หาดแก้วคลื่นลมแรงซัดบ้านเรือนของชาวประมงพื้นบ้านจมหายลงทะเลเหลือแต่ศาลพระภูมิ และได้รับความเสียหายอย่างหนักรวม 20 หลัง และนำทะเลยังยงหนุนสูงต่อเนื่องรุนเเรงสุดในรอบ 40 ปี ด้านอำเภอเร่งเข้าสำรวจความเสียหาย และอพยพชาวบ้านไปอยู่ตามบ้านเรือนของญาติพี่น้องชั่วคราว พร้อมเร่งรัดจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้าน
ชาวบ้านในชุมชนหาดแก้ว ม.1 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง และระดับน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บ้านเรือนของชาวประมงพื้นบ้านที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามแนวชายหาดถูกคลื่นซัดจมหายลงไปในทะเล และบางหลังพังเสียหายไม่สามารถอยู่อาศัยได้จำนวน 20 หลัง รวมเกือบ 100 คน ซึ่งขณะนี้ต้อรีบขนย้ายข้าวของอพยพไปพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องใกล้เคียงชั่วคราว จนกว่าคลื่นลมจะสงบ นอกจากนี้คลื่นยังได้กัดเซาะถนนลาดยาง และเสาไฟฟ้าภายในหมู่ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน
นางจรวย สังข์ทอง อายุ 66 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เผยว่า ครั้งนี้คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรงมากที่สุดในรอบ 40 ปี โดยคลื่นลมในทะเลได้เริ่มโหมซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงวานนี้ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ และซัดเอาทั้งบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านจมหายลงไปในทะเล ซึ่งบ้านของตนนั้นก็ถูกคลื่นซัดจมหายไปทั้งหลัง เหลือทิ้งเอาไว้แค่ศาลพระภูมิหน้าบ้าน ทั้งๆที่อยู่ห่างจากทะเลกว่า 100 เมตร แต่ยังโชคดีที่เพื่อนบ้านได้มาช่วยพาหนีออกไปจากบ้านได้ทัน ส่วนบ้านที่เหลือก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ด้าน นายสมนิตย์ สุขแก้ว ปลัดอำเภอสิงหนคร ฝ่ายป้องกันปราบปราม กล่าวว่า ในวันนี้ทางอำเภอสิงหนคร ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของชาวประมงพื้นบ้านทั้ง 20 ครัวเรือน แล้ว และช่วยขนข้าวของอพยพไปพักอาศัยกับญาติของแต่ละคนชั่วคราว จนกว่าจะปลอดภัย พร้อมกับเร่งรัดให้ทางเทศบาลเมืองสิงหนคร จ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยของงวดที่ผ่านมาในช่วงปลายปีที่แล้ว จำนวน 52 ครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 33,000 บาท ซึ่งคาดว่า จะสามารถเบิกจ่ายให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และนำไปใช้ซ่อมแซมบ้านเรือนเฉพาะหน้าไปก่อน
ส่วนในครั้งนี้ก็จะมีการทยอยจ่ายให้ในครั้งถัดไป ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องงบประมาณมาเพียงพอ ก็สามารถประสานมาทางอำเภอ เพื่อขอเงินทดรองราชการให้สามารถจ่ายเงินเยียวยาได้ตามระเบียบที่กำหนด รวมทั้งจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
ทีมข่าว @ชายแดนใต้ จ.สงขลา
