สงขลา- ปะทะยื้อ 10 ชม. คนร้ายรายที่ 4 ยอมจำนน หลังวิสามัญเพื่อนไปแล้ว 3 รายพบมีหมายจับรวมกันถึง 20 หมาย (มีคลิป)

0
1949

คืบหน้าที่ปิดล้อมปะทะกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ .จะนะ .สงขลา หลังวิสามัญไปแล้วเมื่อช่วงเช้า 3 ราย และคนที่ 4 สุดท้ายหลังยิงปะทะอีกระลอก ก็ถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ หลังกบดานอยู่ในมัสยิดโคกเค็ด ก่อนคุมตัวไปยังศูนย์ซักถามเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จบปฏิบัติการปิดล้อมที่ยาวนานเกือบ 10 ชั่วโมง และยังพบปืนไรเฟิ้ลซุ่มยิงระยะไกลที่มีอานุภาพรุนแรงอีกกระบอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้การนำของ พล..วรเดช เดชรักษา ผบ.พล .5 /ผบ.กกล.เทพสตรี และ ผบ.ฉก.สงขลา และ..อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้สนธิกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ และหน่วยความมั่นคงหลายหน่วยงาน เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น และเกิดการยิงปะทะกันขึ้นกับกลุ่มผู้ก่อความสงบระดับปฏิบัติการ ซึ่งเป็นกลุ่มของ นายจีรศักดิ์ เพ็งเลาะ ที่บริเวณโรงเรียนตาดีกานูรุลอีมาน .6 .ท่าชะมวง.บ้านนา .จะนะ .สงขลา ตั้งแต่ช่วงประมาณ 05.40 ของวันนี้ 

และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญในที่เกิดเหตุ 3 คน ประกอบด้วย นายศรัทธา อาแว อายุ 33 ปี , นายอดินันท์ ดอเลาะ อายุ 28 ปี และ นายสุรินทร์ กาเส็ง อายุ 26 ปี ส่วนอีกคนคาดว่าน่าจะเป็น นายจีรศักดิ์ เพ็งเลาะ อายุ 32 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และกบดานอยู่ในบริเวณดังกล่าว และไม่ยอมจำนนมอบตัว แม้จะพยามให้ผู้นำท้องที่ และผู้นำศาสนาช่วยกันเกลี้ยกล่อมแล้วก็ตาม สุดท้ายเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันปิดล้อมพื้นที่โดยรอบตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อกดดันให้ยอมมอบตัวแต่โดยดีนั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 .. 65 เจ้าหน้าที่ยังคงปิดปิดล้อมพื้นที่ และเกิดการยิงปะทะกันอีกระลอก เมื่อช่วงประมาณ 4 โมงเย็น ที่ผ่านมา หลังสิ้นเสียงปืน เจ้าหน้าที่ได้เข้าโอบล้อม และบุกเข้าเคลียร์พื้นที่ทันที พร้อมกับจับกุมตัว นายจีรศักดิ์ เพ็งเลาะ อายุ 36 ปี กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบคนสุดท้ายเอาไว้ได้ และบาดเจ็บที่ขาซ้าย พร้อมยึดปืนเอ็ม 16 อีก 1 กระบอก หลังเกิดการปะทะ และแอบเข้าไปหลบอยู่ในมัสยิดโคกเค็ด ที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนตาดีกา และทาง พล..วรเดช เดชรักษา ผบ.ฉก.สงขลา ได้รับมอบตัว และให้เจ้าหน้าที่คุมตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร.หนองจิก .ปัตตานี

ทั้งนี้หลังปฏิบัติการปิดล้อมและปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าวในพื้นที่ .จะนะจ.สงขลา ได้ยืดเยื้อต่อเนื่องตั้งแต่เช้ายันเย็นเกือบ 10 ชั่วโมง และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่คาดว่า เป็นกลุ่มของ นายจีรศักดิ์ เพ็งเลาะ ทั้ง 4 คน และทุกคนมีหมายจับ .วิอาญา ติดตัวทุกคน โดยถูกวิสามัญเสียชีวิตไป 3 คน และจับกุมได้ 1 คน ส่วนอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุ 4 กระบอก เป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงระยะไกล พร้อมกล้องเล็ง เรมิงตัน 700 1 กระบอก รวมทั้งปืน AK 47 ปืนเอ็ม 16 และปืนพกลูกโม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า เคยใช้ก่อเหตุที่ใดมาบ้างหรือไม่

ด้าน ..อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสการเข้ามากบดานของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มนี้ และเมื่อแน่ชัด จึงสนธิกำลังกันเข้าพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งหลบซ่อนอยู่บนชั้น 2 ในโรงเรียนตาดีกานูรุลอีมาน ใกล้กับมัสยิดโคกเค็ด ได้ไหวตัวทัน และพยามยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อวิ่งหลบหนี จนเกิดการปะทะกันขึ้น และถูกวิสามัญคาที่เกิดเหตุทันที 3 คน และอีกคนยังคบกบดานอยู่ในละแวกดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันปิดล้อมพื้นที่โดยรอบ และพยามเกลี้ยกล่อมอยู่นาน แต่ก็ไม่เป็นผล

สำหรับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มนี้คาดว่า อาจจะหลบหนีการกดดันจากเจ้าหน้าที่มาจากพื้นที่อื่น หรือไม่ก็อาจจะมีการเรียกประชุมหารือ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย หรือสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุที่เป็นปืนไรเฟิ้ลซุ่มยิงระยะไกล พร้อมกล้องเล็ง เรมิงตัน 700 นั้น ถือว่า มีอานุภาพรุนแรงและระยะทำการไกลเป็นกิโลเมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทั้งการลาดตระเวน และการเข้าตรวจสอบ หรือปิดล้อมในพื้นที่ต้องสงสัยต่างๆ

ทั้งนี้จากประวัติและพฤติกรรมของคนร้ายที่เสียชีวิตทั้ง 3  ราย และที่มอบตัวอีก​ 1​ รายพบว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการและระดับปฏิบัติการ มีหมายจับรวมกันถึง​ 20.หมาย​ เคยก่อเหตุความรุนแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2562 ถึง ปัจจุบัน 

โดยภายหลังเกิดเหตุได้มีการใช้สื่อโซเชียล บิดเบือนกล่าวหาว่า​ “เจ้าหน้าที่เข้าไปยิงคนมุสลิมเสียชีวิต3ศพขณะละหมาดในมัสยิด” และอีกหลายๆประเด็น โดยกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า.ขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงมัสยิดไม่ใช่เกิดในมัสยิดตามที่กล่าวอ้าง จึงใคร่ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายกรุณาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนที่จะแชร์ออกไปเพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงและอาจมีความผิดตามกฏหมาย

สำหรับการปฏิบัติในครั้งนี้ เป็นการใช้อำนาจตามกฏหมายปกติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยร้องขอกำลังทหารเข้าสนับสนุนในฐานะเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเท่านั้น กอ.รมน.ภาค​ 4  ส่วนหน้า.ยังคงยืนยันในเจตนารมย์ในการบังคับใช้กฏหมายโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักเน้นการเจรจาให้ออกมามอบตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย