อาวัง สะดอ 3 ลูกผู้ชายเลือกเส้นทางสู่ความเป็นเสือ

0
5174
ภาพทหารมลายา เทียบให้เห็นการแต่งกายในอดีต Senjata rahsia orang Melayu kini dilelong di Eropah blog http://bjbrigedkibaranbendera.blogspot.com/2013/10/senjata-rahsia-orang-melayukini.html

เมื่อโตเข้าสู่วัยหนุ่ม นายอาวัง สะดอ ได้สร้างวีรกรรม จนเป็นที่เป็นที่เลื่องลือ เล่าขานกันในหมู่บ้าน มีอยู่หลายต่อ หลายครั้ง ที่เขามีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นในละแวกนั้นเกือบจะทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวใคร เขามีเรื่องและไม่เคยจะพ่ายแพ้แก่ใคร มิหนำซ้ำ เมื่อเจอคนเก่งๆ วัยซ่า ตามงานบุญ งานบ้านทั้งหลาย จะต้องโดน อาวัง สะดอ กำหราบหมดแทบทุกคน สร้างความเกรงกลัว จนไม่มีใครที่อยากต่อกร และอยากเข้าใกล้ด้วย

เพราะความเป็นนักบู๊ ไม่ยอมใคร และโชคดีที่รอดพ้นจาก คมดาบ คมมีด มานาน ในที่สุดจึงเริ่มมีเสียงเล่าลือว่า นายอาวัง สะดอ เป็นคนมีของ ซึ่งมีอยู่เหตุการณ์ครั้งหนึ่ง เขาได้หายตัวไปจากหมู่บ้านเป็นระยะเวลานานอยู่หลายปี

เขาได้เคยล่องเรือออกทะเล โดยลำพังคนเดียว เพื่อออกเดินทางหางานทำ  โดยได้ออกเรือพายไปเรื่อยๆ จากเมืองหนึ่ง ไปเมืองหนึ่ง เขาได้ออกเรือไปไกลจนถึงอินโดนีเซีย  เมื่อกลับมาบ้านได้นำสิ่งของมีค่าหลายอย่าง ล้วนเป็นสิ่งของที่ไม่มีในพื้นที่  นำมาขายให้กับชาวบ้านเช่น ได้นำผ้าจากอินโดๆ ซอเกาะ(หมวกละหมาดแบบอินโดนีเซีย) และเครื่องใช้หลายอย่างนำกลับมา และในการหายไปครั้งนี่เอง ที่คนในหมู่บ้านสันนิษฐานว่าเขาไปเรียน วิชาด้านวิชา อาคม มาจากอินโดนีเซีย ติดตัวกลับมาด้วย

ภาพทหารมลายา เทียบให้เห็นการแต่งกายในอดีต
Senjata rahsia orang Melayu kini dilelong di Eropah
blog http://bjbrigedkibaranbendera.blogspot.com/2013/10/senjata-rahsia-orang-melayukini.html  

เมื่อกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ช่วงในวัยหนุ่มของอาวัง สะดอ ไม่พ้นการมีเรื่องมีราว ยังวังวนกับวงการนักเลง ทะเลาะชกต่อยบ่อยครั้งมากขึ้น จากการที่มีโจทย์ มีศัตรูมากขึ้น  จนในที่สุดจึงก่อคดีร้ายแรงขึ้น และเขาจึงถูกจับกุมไปในที่สุด   จากนั้นเขาถูกส่งตัวต่อไปที่ เรือนจำแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเล คาดว่าอาจเป็นที่เกาะเต่า ที่จังหวัดชุมพร  บ้างว่าถูกขังที่เรือนจำ ตะรุเตา

******เล่าจาก(นายเปาะจิสามะ ผู้เป็นหลานชายคนเดียวของนายอาแวสือดอ ตาเละ เล่าให้ฟังว่าวันที่เขากลับมาถึง ตนเองซึ่งยังเป็นเด็ก ยังจำได้ถึงภาพในวันนั้น ได้เข้าไปสวมกอดนายอาวัง สะดอ พร้อมญาติๆหลายคนที่ถูกจับไปครั้งนั้น)*****

นายอาวัง สะดอ เมื่อครั้งถูกจับเป็นนักโทษที่นี่ เขา ได้สร้างวีรกรรมอีกด้วยการหลบหนีออกจากเรือนจำ แหกคุกได้สำเร็จ  พร้อมสมุนลูกน้อง อีก 2 คน ได้ว่ายน้ำข้ามทะเล และได้เล่าวีรกรรรมการหนีคุกครั้งนั้น ว่า เขาวางแผนหนีออกจากเรือนจำพร้อมกับลูกน้องอีก 2 คน เป็น 2 พี่น้องจาก หมูบ้าน ปือรอก จ ยะลา ชื่อ อาแวบือซา(ผู้คนเรียกฉายา โต้ะกอแบะ) กับ มายะ

พวกเขาทั้ง 3 คนว่ายน้ำข้ามทะเล โดยใช้แผ่นไม้กระดานแผ่นเดียวลอยคอมากลางทะเล ข้ามวันข้ามคืน  ช่วยกันว่ายผลัดกันไปเรื่อยๆ กินน้ำทะเล จนเมื่อรอดชีวิตมาถึงฝั่ง พวกเขาเดินทางต่อด้วยการเดินเท้าไปตามทาง  เดินมาเรื่อยๆ โดยใช้เวลาเดินทางตอนกลางคืน นอนพักผ่อนตอนกลางวัน และเดินเท้าตามทางเรื่อยๆ มีบ้างที่ บางช่วงใช้เวลาเดินทางตอนกลางวัน

พวกเขาต้องเดินทางไกลข้ามน้ำ ข้ามภูเขา  จนเมื่อมาถึงสถานีรถไฟ จึงยึดทางเดินตามทางรถไฟเพื่อไม่ไห้หลงทาง  มุ่งลงไปทางภาคใต้สู่บ้านเกิด ตลอดระยะเวลา เดินทางครั้งนั้น ใช้เวลาทั้งหมด 43 วัน จนมาถึงบ้านที่หมู่บ้าน ยามูแรแน ได้มาพักที่บ้านของ มูเซาะ ผู้เป็นญาติ และเรียกญาติพี่น้องทุกคนให้มาพบ เปาะจิสามะ ซึ่งในเวลานั้นยังเด็กได้เข้ามาพบที่บ้านนั้นด้วยได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น**

หลังจากที่อาวัง สะดอ กลับมาจากการแหกคุกมาได้ในครั้งนี้  เมื่อกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านยามูแรแนครั้งนี้ นาย อาวัง สะดอ ได้เปลี่ยนแปลงนิสัยไปจากเดิม  จากที่มีเคยเป็นคนนิสัย ใจร้อนกลับกลายเป็นคนที่มีจิตใจสงบเสงี่ยมขึ้น เขามีความรัก ห่วงใยญาติพี่น้อง สนใจในญาติพี่น้องและที่สำคัญที่สุดเขาหันมาเป็นคนที่มีความเคร่งในศาสนา  ช่วงนี้เองเป็นช่วงที่ นิสัยใจคอ และพฤติกรรมของเขาได้เปลี่ยนไป  กลับกลายเป็นคนเคร่งขรึม มักปลีกตัวโดดเดี่ยวเพียงลำพัง และใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งปฎิบัติศาสนกิจเป็นเวลานานๆ และได้ตักเตือนบรรดาลูกน้องของเขาทั้งหลาย ไม่ให้ประพฤติตัวเหลวไหล ได้ตั้งกฎต่างๆขึ้นมามากขึ้น

หลังจากนั้นได้ไม่นาน เขาได้ถูกทางการฝ่ายรัฐ เพ่งเล็ง เฝ้าสังเกตุความเคลื่อนไหว และมีข่าวว่า นายอาวัง สะดอมีนักการเมืองในพื้นที่ และมีอิทธิพลในพื้นที่เป็นผู้ใหญ่มีหน้ามีตาและรู้จักกันดีในสังคมของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้  ได้ทำการสนับสนุนเขาอย่างลับๆ

ด้วยความที่เป็นคนที่ใจถึง กล้าหาญไม่เกรงกลัวผู้คน และสร้างโจทย์ไว้มากมาย จนในที่สุด ชื่อนายอาวัง สะดอ จึงถูกขึ้นบัญชีดำ ของทางการ  ในอีกด้านหนึ่งแม้ตัวเขาจะเป็นที่ยอมรับของผู้คนในหมู่เครือญาติและ พี่น้องเป็นจำนวนมาก ด้วยความห่วงในความปลอดภัยของตนเองจึงทำให้นายอาวัง สะดอต้องรวบรวมคนและสมัครพรรคพวกอีกหลายๆคนในพื้นที่เชิงเขารอบๆเขตภูเขาบูโดจนมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อคอยรายงานข่าวจากตำรวจเจ้าหน้าที่ ทางการ

หลังจากรู้ถึงสถานการณ์ของตนเองเริ่มอันตรายต่อไป และ ความปลอดภัยของตนเองน้อยลงไป เริ่มมีค่าหัว และหมายจับ ไม่นานไม่ช้า เขาคงจะต้องถูกทางการจับตัว หรือโดนสั่งเก็บจากใครบางคน

จากนั้นเขาจึงได้เดินกลับเข้าไปในป่าเทือกเขาบูโด และรวบรวม พลพรรค และลูกน้อง รวบรวมในหมู่บ้านต่างๆตั้งกองกำลังอยูในป่าเขาบูโด ไม่กลับมาอีกเลย  คอยเคลื่อนไหวตามจังหวัดนราธิวาส ,ยะลาและปัตตานี เป็นระยะๆ นานๆครั้งจะมีคนพบเห็นเขา

สถานที่เรียกว่าเป็นเขตแดนที่ตั้งของพรรคพวก อาวัง สะดอนั้นคือมีเครือข่ายโยงกัน ในเขตสายบุรี มีพรรคพวกอยู่ที่เชิงหัวเขาบูโด, ในหมู่บ้านเขตอำเภอกะพ้อ ช่วงรอยต่อบ้านตะโละดือรามัน, ในจังหวัดนราธิวาสคือช่วง อำเภอบาเจาะบ้านเกิดของตนเองที่ ยามูแรแน และ จำปากอ,  ที่อำเภอยี่งอ และ รือเสาะ และในบางส่วนของ อำเภอ รามัน จังหวัดยะลาที่หมู่บ้านปือรอก

และในช่วงนั้นเองที่เขาได้กลายสู่ความเป็นเสือร้ายอย่างเต็มตัว สร้างวีรกรรมมากมาย นอกจากคดีปล้นสดมภ์แล้ว เขามักสร้างวีรกรรมแปลกๆทำร้ายเหยื่อด้วยวิธีการแปลกๆไม่ซ้ำแบบ เช่นนำเหยื่อไปแขวนไว้กลางป่า นำไปทิ้งในบ่อร้าง และมีข่าวลือว่าเหยื่อมักโดนพวกเขาฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ  ในที่สุดด้วยข้อหา มีความคิดกระด้างกระเดื่องต่อต้านรัฐเป็นกบฏติดมาด้วย   มีค่าหัวรางวัลนำจับเป็นอันดับต้นๆ ที่ทางการต้องการตัว………….