9 ตค.66 ที่ 14.00 น. สำนักงานอาคารบูรณาการกระทรวงยุติธรรมจังหวัดปัตตานี นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมกับนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานกรรมมาธิการการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน พร้อมคณะฯ เดินทาง ลงพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส ช่วงเช้าและจังหวัดปัตตานีช่วงบ่าย เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และข้อเสนอแนะของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ถึง 6 หน่วยงาน ได้แก่ เรือนจำกลางปัตตานีและ นราธิวาส ผอ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดผอ.สำนักงานบังคับคดี ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานยุติธรรม และหัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนใต้ เข้าร่วมประชุม
นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาพบปะ หน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม มาติดตามรับฟังปัญหา หลังจาก ท่านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมได้ให้นโยบายไว้แต่ละนโยบายแล้ว และแต่ละหน่วยงานจะนำไปใช้แก้ปัญหาอย่างไร และมอบนโยบาย ปัญหาของ 3 จังหวัดมีมาก เช่นการให้ชาวบ้านเข้าใจ พรบ.ปราบปรามและซ้อมทรมาน รู้ช่องทางด้านการคุ้มครองสิทธิ ปัญหาผู้ต้องขังคดียาเสพติด โดนคดีซ้ำมากกว่า 50% ปัญหาแก้เรื่องสุขภาพของผู้ต้องขัง ไม่มีแพทย์ดูแลประจำ การย้ายผู้ต้องขัง ที่อยู่นอกพื้นที่ นอกภูมิลำเนา ให้กลับเข้ามาเรือนจำในพื้นที่ อำนวยเรื่องการเข้าเยี่ยมญาติของผู้ต้องขัง
อาทิ ค่าตอบแทนพิเศษของเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่ได้โคต้าจากจังหวัดไม่มีเหมือนหน่วยงานอื่นๆ ค่าเดินทางไปราชการต้องควักกระเป๋าตัวเอง รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในสำนักงานเสื่อมสภาพ ต้องควักกระเป๋าตัวเองซื้อมาใช้ทดแทน โยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนจำ จ.นราธิวาส ซึ่งถือว่าเป็นเรือนจำที่ใหญ่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของเครื่องสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่สูงกว่าเรือนจำปกติ ที่ไม่มีงบใช้จ่าย ที่สำคัญไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียและต้องใช้เงินก้อนโตในการก่อสร้าง
เรื่องปัญหาเร่งด่วนปัญหาใหญ่ระดับชาติ คือปัญหาของยาเสพติด เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค ปัญหาสิทธิมนุษย์ชน อันนี้เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงและต้องเร่งแก้ปัญหา ก็มีหลายเรื่องด้วยกันครับ
วันนี้เราพูดเรื่องเครื่องการแต่งกายของนักโทษหญิง เพิ่มเติมเรื่องหิญาบ ที่พบว่านักโทษหญิงยังใส่ชุด กางเกง ขาสั้น ที่ผิดข้อบัญญัติอิสลาม ท่านรัฐมนตรีฝากมา น่ามีการปรับแก้ หาทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วย
เรื่องปัญหาสิทธิมนุษย์ชน เป็นเรื่องพื้นฐาน ของมนุษย์ ปัญหาการกระทบกระทั่งกัน ที่มีปัญหายาวนานคงต้องปรับความเข้าใจกันและตอนนี้เรามีกฎหมายควบคู่แล้ว คือพรบ.ป้องกันการซ้อมและทรมาน มาใช้ควบคู่อันนี้เป็นการช่วยชาวบ้านให้เค้ารู้ว่ามีช่องทางที่ไปสู่การได้รับความยุติธรรมได้มากขึ้น การทำงานด้านประชาสัมพันธ์ต้องทำแบบควบคู่ และใกล้ๆนี้เราจะมีเลขาศอบต. คนใหม่ที่มาจากสายการเมือง เชื่อว่าประชาชนว่าการรับฟังเสียงประชาชน รับฟังปัญหาได้ดีที่สุดครับ
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหา ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นที่สนใจประชาชนส่วนใหญ่ของพื้นที่อย่างมากนั้น
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานกรรมมาธิการการรกฎหมายและสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า การต่ออายุพ.ร.ก.เป็นมติครม. ไม่ใช่นโยบายของกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเป็นสส.ไม่ใช่ในฐานะกระทรวงยุติธรรม ยังยืนยันในหลักการว่า ควรที่จะมีการยกเลิกพ.ร.ก. ส่วนวิธีการในการยกเลิก จะเรียงเป็นรายอำเภอหรือมีมาตรการอะไรในอำเภอที่หลังจากมีการบยกเบิก ต้องมีความเห็นจากหลายฝ่ายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ด้วย แต่หลักการ คือ เห็นควรยกเลิก หากวิธีการจะยกเลิกคราวเดียว เป็นอำเภอ หรือแต่ละครั้ง ยังมีหลายฝ่ายเป็นห่วง ต้องทำความเข้าใจชี้แจงว่ามาตรการในการรักษาความปลอดภัยหลังจากที่ยกเลิกจะเป็นอย่างไร มองว่าพ.ร.ก.ไม่ใช่มาตรการในการป้องกันแต่เป็นเรื่องของการปราบปราม เรานำพ.ร.ก.มาใช้ในการปราบปราม
ประเด็นใหญ่เรื่องสำคัญคือการทำความเข้าใจควบคู่กันไป ในวิธีการยกเลิกและมาตรการหลังจากนี้ไป พ.ร.ก.ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกัน ยังมีกฎอัยการศึก พ.ร.บ.ความมั่นคง มีหลายเสียงสะท้อน และการศึกษาอย่างดีว่า การยกเลิกน่าจะเป็นเงื่อนไขที่เป็นผลดีที่เกิดขึ้นในชายแดนใต้ สำคัญคือการทำความเข้าใจ และการรับฟัง
ทีมข่าว@ชายแดนใต้ ปัตตานี
