ยะลา-หมอกควันอินโดเข้าปกคลุมเบตง และรอยต่อชายแดน เปรัค มาเลเซียต่อเนื่อง หลังการเปลี่ยนแปลงทิศทางลม ด้านสธ.ปัตตานีแจ้งเตือนปชช.เฝ้าระวังแล้ว

0
379

หมอกควันข้ามแดนเข้าปกคลุม อ.เบตง จ.ยะลา และพื้นที่ของรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนรอยต่ออำเภอเบตง หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลมเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบเริมใส่หน้ากากป้องกันมลพิษจากฝุ่นควัน ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ


เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลายังคงมี หมอกควันปกคลุมทั่วเมืองเบตง ซึ่งมองจากยอดเขาจะเห็นหมอกควันยังคงหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลมเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งลมดังกล่าวจะพัดผ่านแหล่งกำเนิดฝุ่นควันในหมู่เกาะสุมาตรา ส่งผลให้เกิดหมอกควันข้ามแดน จากรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย (transboundary haze) ทำให้ค่า PM2.5 มีค่าสูงขึ้นปริมาณความเข้มข้นฝุ่นละออง PM2.5 ในหลายพื้นที่เริ่มมีค่าสูงขึ้นตามคาดการณ์


โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเบตงซึ่งมีหมอกควันเข้ามาปกคลุมในตัวเมืองหนาแน่นขึ้น ประกอบกับเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ ทำให้อากาศไม่หมุนเวียน รวมทั้งตามทิวเขาสันกาลาคีรีพบหมอกควันขาวโพลนไปหมด ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 รายงานสถานการณ์หมอกควันค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เฉลี่ยรายชั่วโมงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในพื้นที่อ.เบตง ซึ่งจากค่ามาตรฐานที่ต้องไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะให้ทราบต่อไป

ด้านสธ.ปัตตานี ห่วงสุขภาพประชาชน แนะนำดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันปัญหาจากสถานการณ์หมอกควันภาคใต้ นพ.ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี แนะนำประชาชนถึงผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันไฟจากเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เคลื่อนมาปกคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย แม้ว่าในพื้นที่จังหวัดปัตตานี มีค่าปริมาณความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ยังสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ แต่จะสังเกตเห็นได้ชัดว่ามีหมอกควันปกคลุม ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง อาจทำให้เกิดอันตรายได้ทั้งจากอุบัติเหตุจราจรและปัญหาด้านสุขภาพ

จึงแนะนำให้ประชาชนป้องกันตนเองโดยการติดตามสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นและพยายามหลีกเลี่ยงการสูดดมควันโดยตรงในช่วงนี้ หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกัน พร้อมดูแลสุขภาพเป็นพิเศษในกลุ่มเด็กเล็ก คนชรา หญิงมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว โดยหากมีอาการไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรงดหรือลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งทันทีและปรึกษาสถานบริการสาธารณสุขได้ทุกแห่ง สาธารณสุขเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพประชาชนและติดตามข้อมูลข่าวสารเพื่อการแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป
ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา