จากงานวิจัยโดย. ศาตราจารย์ดร.ครองชัย หัตถา ภาควิชาภูมิศาสตร์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จากปัตตานีอดีตสู่ปัจจุบัน มีความเป็นมาและเป็นไปทางประวัติศาสตร์น่าสนใจอย่างยิ่งนัก เป็นดินแดนแหลมทางตอนเหนือของคาบสมุทรมลายู ใช้ภาษามลายู มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานมายาวนานมากว่า พันปี มาแล้ว
ชื่อปัตตานี ปรากฎในเอกสารต่างประเทศแตกต่างกันไปหลายชื่อเรียกตามสำเนียงนั้นๆ และระยะเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ทั้งชาวยุโรป อาหรับ จีน ญี่ปุ่น และชวา ต่างเข้ามาค้าขาย ปฎิสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน มีหลายชื่อเรียก เช่น Fatony Patane patani petani patany patanji. Pathane. Pathani.patania.มลายูเรียกปาตานี หรือปตานี ส่วนไทยเรียกตานี เมืองตานี มาเรียกปัตตานี อย่างเป็นทางการครั้งเมื่อสมัยร.5 ในการจัดตั้งมณฑล ปัตตานี เมื่อพศ.2449 และต่อมากลายมาเป็น จังหวัดปัตตานี ในปัจจุบัน
การปกครองของเมืองปัตตานีพ.ศ 2043 ถึง 2445 ตามประวัติศาสตร์ปัตตานีถือว่ากษัตริย์ผู้บุกเบิกสร้างนครปัตตานีคือพญาท้าวนภาหรือพญาตูนักปา ซึ่งขณะนั้นยังปกครองเมืองโกตามหาลิฆัย ต่อเมื่อพญาท้าวนภาสิ้นพระชนม์โอรสของพระองค์คือพระยาอินทิราได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามปัตตานีจึงกลายเป็นนครอิสลามโดยสมบูรณ์และมีชื่อใหม่ว่านครี”ปตานีดารุสลาม” patani Darussalam )
การเข้ามาของศาสนาอิสลามทำให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านความเชื่อประเพณีการศึกษาและการเมืองการปกครองในสังคมมลายู (mind. Zambezi a. Malek, 1994:13)
พญาอินทิราหลังจากเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามแล้วได้เปลี่ยนพระนามเป็นสุลต่านอิสมาอีล ชาห์ ซิลลุลลอฮฟิล อลาม( sultan Isma’il Syah zillulah FIL A’lam) (Fraser, 1960:2)
พระองค์ทรงมีโอรสและธิดารวม 3 พระองค์ องค์โตเป็นโอรสชื่อ เกอรุป พิชัย ภายหน้า (kerub phicai paina ) องค์กลาง เป็นธิดาชื่อ ตนกู มหาชัย tunku mahachai องค์เล็ก เป็นบุตรชายชื่อ มหาชัยภายหลัง mahacai pailan โอรสของสุลต่านทั้งสองพระองค์ได้เป็นกษัตริย์ของปัตตานีในเวลาต่อมา คือเกอรุป พิชัย ภายหน้า ได้เป็นสุลต่าน มุซัฟฟาร ชาห์ และองค์สุดท้องคือมหาชัย ภายหลัง เป็นสุลต่าน มันโซร์ ชาห์ (teeuw and Wyatt, 1970:148-152) ส่วนธิดาคือตนกูมหาชัยเปลี่ยนพระนามเป็น สิตตี อาอิชะห์ ซึ่งต่อมาพระองค์ได้เป็นมเหสีของสุลต่านจาลาล แห่งเมืองสายบุรี(Teeuw and Wyatt, 1970″11)
, สุลต่านมูซัฟฟัร ชาร์.. มีโอรส 2 พระองค์คือ สุลต่าน ปาติกสยามPatik Siam และราชามัมบัง ( raja babang) ส่วนสุลต่านมันโซร์ ชาห์มีโอรสและธิดารวม6พระองค์ 3พระองค์แรกเป็นธิดาซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์ปัตตานี ได้แก่ราชินีฮิเยาRaja(HIJAU)ราชินี บีรู (Raja Biru) ราชีนีอูงู (raja.Ungu) องค์ที่4 เป็นโอรส ชื่อ ราชาบีมา (raja bima) องค์ที่5 ชื่ิอรายามัส กรันจัง(Raja Emas Kerancan)และองค์ที่6ชื่ิอสุลต่านบาฮาดูร ชาห์( bahadu syah)ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์ของปัตตานี ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ระหว่างปี พศ.2116-2127
สมัยนั้นเป็นลักษณะนครที่เป็นเอกเทศ ปกครองตนเองอิสระ มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอสงขลา มีค่าเงินของตนเอง มีตราประทับ และเป็นเมืองท่าสำคัญรู้จักของ นานาประเทศ
………… (โปรดติดตามต่อ)…………..