“พญ.เพชรดาว” ชี้ปัญหาเร่งด่วนโควิดชายแดน ระบาดหนัก 3 เดือน เชิญชวนทุกฝ่ายร่วมมือ อย่าปล่อยสาสุขฯ ฝ่ายเดียว

0
1210

สื่อข่าวรายงานวันที่ 14 พ.ย. 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ที่ผ่านมาแนวโน้มผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ลดลงเล็กน้อย (วันที่ 13 พ.ย.) 267 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 3 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 42,978ราย รักษาหาย 26,129 ราย และเสียชีวิตสะสม 409 ราย

พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา สส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย เป็นบุคคลหลักผู้หนึ่งที่ร่วมทำงานกับสาธารณสุขปัตตานีและ 3 จังหวัดมาตลอด
เธอได้กล่าวว่า สถานการณ์โควิดของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องเข้าใจในบริบทมิติความเป็นอยู่ และการสื่อสารทำความเข้าใจของที่นี่ด้วย
ที่ต่างจากในส่วนภาคอื่นที่รับฟังนโยบายโดยตรงจาก ศบค.ส่วนกลางอยู่แล้ว
แต่ส่วนบริบทของคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ ยังเป็นปัญหากับการรับรู้ของเขาด้วย ซึ่งในขณะนี้ควรต้องเข้าไปดูกลุ่มเป้าหมาย และแยกแยะให้ชัดเจนว่ามีกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง โดยถ้าเราพูดถึงวัคซีนที่เป็นการแก้ปัญหาภูมิคุ้มกันหมู่ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ เพราะว่าในกลุ่ม 608 ที่ต้องการเร่งให้รับการฉีดวัคซีนนั้น ยังได้ไม่ครบถ้วนตามเป้าหมายที่วางไว้เลย
ซึ่งขณะนี้ทางสาธารณสุขตั้งทีมวิเคราะห์เป็นรายอำเภอ รายตำบล ว่ามีเหตุผลเพราะอะไร ใครบ้างที่ต้องการกี่เปอร์เซนต์ และใครบ้างที่ไม่ต้องการ และเท่าที่ทราบคือมีเพียง 7- 10 % เท่านั้นที่ไม่ต้องการ ซึ่งตอนนี้ในจังหวัดปัตตานีมีและ 3 จังหวัด วัคซีนเข้ามาถึง 1ล้าน โดสเรียบร้อยแล้ว ต้องถามว่ากลุ่มไม่เอาวัคซีนเพราะอะไร
ประเด็นต่อมาคือ การสื่อสาร เราต้องดูในแต่ละพื้นที่ว่าเขาเชื่อใคร เชื่อมั่นผู้นำอย่างไรและให้ผู้นำเหล่านั้นกลับไปสื่อสารให้ได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องที่สุด เช่นทางสมาคมจันทร์เสี้ยวได้ออกทำความเข้าใจกับผู้นำศาสนา มาช่วยกันทำงานและหาทางออกกันต่อไป


เรื่องต่อมาคือเรื่องของโควิด ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องของทางสาธารณสุขเพียงฝ่ายเดียว ทางหน่วยงานอื่น กระทรวงอื่นๆ ต้องเข้ามาร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาด้วย เช่นที่ผ่านมา เราเจอปัญหา ไม่สามารถหาสถานที่จัดโรงพยาบาลสนาม หรือ CI ขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆได้ จะให้ทางสาธารณสุขทำทุกอย่างเลยมันก็ไม่ได้ อันนี้คงต้องมาพูดคุยกันว่า จะหาทางร่วมมือกันอย่างไรกับหน่วยงานไหนโดยใคร เพราถึงขนาดนี้ก็ร่วมๆ 2 ปีแล้ว คนหน้างาน สาธารณสุขทั้งหมดทำงานอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เพราะฉะนั้นกลุ่มอื่นไม่ว่าจะเป็น ประชาสังคม สื่อมวลชนและอื่นๆ ต้องร่วมด้วยช่วยกันในการช่วยหาทางจากหน่วยงานอื่นๆ ในการจัดหาทางหรือสนับสนุนกันทุกๆทาง
ส่วนขณะนี้มีการตั้ง ศบค.จชต.ส่วนหน้าเข้ามาอีกมีคนพูดถึงเยอะ ซึ่งโครงสร้างที่จัดตั้งผู้เข้ามามีเป็นทหารพล.อ. และกรมทบวงต่างๆยังไม่เห็นมีภาคประชาชนเข้ามาร่วมตรงไหนเลย ก็ยังไม่เห็นความแตกต่างอะไรจะมาช่วยจัดการตรงนี้ แต่ยังหวังว่าทางศบค.จชต.ส่วนหน้า ที่จะเข้ามาทำงานบูรณาการร่วมกันจะช่วยให้การทำงานได้เร็วมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาอำนาจเต็มอยู่ที่ผวจ.แต่ละจังหวัดอยู่แล้วที่มีอำนาจสั่งเต็ม ก็ไม่ทราบว่าการตั้ง ศคบ.จชต.ส่วนหน้า เข้ามาคุมอีกที คงต้องถามกลับไปว่า 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ได้ดำเนินการอย่างไรออกไปบ้างหรือยัง และมีสถิติผู้ป่วยลดลง หรืออัตราการเพิ่มคนฉีดวัคซีนได้อย่างไรไหม


ในขณะนี้สิ่งที่ต้องเร่งช่วยเหลืออีกทางคือเรื่องของอสม. ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงระยะหนึ่งเราขาดบุคลากร และเจ้าหน้าที่เองก็ติดโควิดกันด้วย ได้ดำเนินการให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยทำเรื่องอัตรากำลัง บุคลากร ให้เพิ่มจำนวนขึ้นเพียงพอกับแต่ละจังหวัด ซึ่งจะมีอัตราเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ในแต่ละจังหวัดนั้น คงต้องดู สถิติผู้ติดเชื้อด้วย ส่วนที่อยากเห็นเพิ่มเติมคือในส่วนของจิตอาสา และ อสม.ประจำท้องที่ ซึ่งมีศักยภาพมากในการดำเนินงานในแต่ละส่วน ในพื้นที่ เช่น เห็นผลอันดับแรกคือ เรื่องการดูแลผู้ป่วยHI ให้ความรู้ ได้เข้าไปดูแล และช่วยตอบคำถามทางออนไลน์ หรือช่วยเหลือทางสาธารณสุขด้านอื่นๆอีก เช่นแจกจ่ายอาหาร และยา ที่เข้าไปจัดการตรงนี้ จะดียิ่งขึ้น
ที่เห็นชัดเจนอีกกลุ่มหนึ่งคือการช่วยเหลือจากกลุ่มเส้นด้าย คือกลุ่มจิตอาสาจิตอาสาที่เข้าไปช่วยตรวจ atk รับการอบรมหลักสูตรและมาช่วยเหลือตรวจภาคสนามก็ทำให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และที่ผ่านมาพบว่า ข้อเรียกร้องที่หมอรับมาจากผู้ป่วย คำถามที่พบมากคือ เขาอยากทราบว่าจะได้รับการช่วยเหลืออย่างไร หรือส่งต่อตัวเขาไปไหน อย่างไร ดังนั้นถ้าเรามีทีมงานจิตอาสาที่พร้อม เข้ามาดูแลร่วมกันจะดีมากๆค่ะ และคงต้องมาร่วมกันดูอีกครั้งว่าใครจะเป็นเจ้าภาพดูแลด้านใดบ้าง เพราะมีการทำงานมากมายหลายด้าน ถ้าหากว่าเรามีทีมร่วมกันเยอะๆก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปมากขึ้นค่ะ