ผู้สื่อข่าวรายงานที่สี่แยกมลายูบางกอก อ.เมืองจ.ยะลา แหล่งซื้อขายตลาดผลไม้ ขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยเฉพาะในเวลาเย็น ยาวไปจนถึงเช้า บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ทั้งรายเล็กรายย่อย จำนวนหลายรายต่างพากันขนส่งผลผลิตที่ได้จากชาวสวน ที่ผลผลิตออกมากันมาก โดยเฉพาะทุเรียน ลองกอง สะตอ และอื่นๆ ซื้อขายกันนับเวลา มา 2 เดือนแล้ว
ถึงแม้ปีนี้จะไม่คึกคักเหมือนทุกๆปี แต่ผลผลิต ที่ยังเหลืออยู่ 30% กับลองกองที่จะออกเป็นผลผลิตสุดท้าย ก่อนหมดหน้าฤดูผลไม้นี้ คือจะอยู่ในช่วงปลายๆกันยายน หรือต้นๆ ตุลาคม
ซึ่งในปีนี้ที่ผ่านมา ในพื้นที่ต้องเจอกับการระบาดของโควิด-19 เกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก ผลไม้ต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะพ่อค้าไม่เข้าไปซื้อผลผลิตเหมือนก่อน และการปิดตลาด การล็อกดาวน์พื้นที่ เคอร์ฟิว ล้วนเป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้น ทำให้ขายผลผลิตไม่ได้และราคาตกต่ำ เช่นเดียวกับปัญหาของมังคุด ที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรเจ้าของสวนในขณะนี้ ที่หน่วยงานราชการและเอกชนที่มีความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกรได้เข้าไปช่วยซื้อ เพื่อนำมาแจกจ่ายให้แก่โรงพยาบาลและประชาชนที่ถูกปิดหมู่บ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
แต่ในส่วนของทุเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงพอไปได้ราคาไม่ตก และฝ่ายรัฐได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมาโดยตลอด เพราะรู้ดีว่าปีนี้ปัญหาเยอะ โดนผลกระทบ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการรับซื้อ การเดินทาง และการขนส่ง ทุกปัญหาจึงได้ร่วมกันแก้ไข
นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า
เรื่องของทุเรียนปีนี้ ในส่วนของจังหวัดยะลา มีผลผลิตเกือบ 6หมื่นตัน มีรายได้เข้าประมาณ หนึ่งพันกว่าล้านต้นๆ แต่เพราะมีปัญหาเรื่องสถานการณ์ covid แทรกเข้ามาจึง ทำให้รายได้ชาวเกษตรกรหายไปเกือบเท่าตัว แต่ด้วยราคาที่ไม่ตกมาก จึงยังพอไปได้อยู่
ส่วนเรื่องของมังคุด เกิดปัญหาราคาตกต่ำ เพราะออกมาชนกันกับของจังหวัดอื่นๆ ทางแปลงใหญ่เช่นนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี และการค้าออนไลน์เกิดสภาวะขนส่งมีปัญญาอีก ส่วนกลางติดผลกระทบโควิดไปหมดทำให้ออกไม่ทันส่งช้า สินค้าเสียหาย ทางเราจึงได้จัดแคมเปญช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยสนับสนุนซื้อ และส่งไปถึงผู้ประสบภัยโควิดทั่ง 3 จังหวัดไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม อสม.บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยถูกกักตัว ตลอดจนเรือนจำ หลายพันคน นำไประบายแจกจ่ายบุคคลเหล่านี้ เราซื้อในราคาตลาดและยังแจกจ่ายถึงรพ.สนามบุษราคัมส่วนกลางด้วย เป็นการช่วยเหลือเรื่องมังคุด เงาะก็เช่นเดียวกัน เรื่องของลองกอง 100 กว่าล้าน ต้องส่งเป็นผลไม้สดทั้งหมด อาจต้องกระจายเข้าสู่ห้างต่างๆ
แม้รายได้ของเกษตรกร ในปีนี้ ด้วยสถานการณ์โควิด น้อยลงไป เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างส่งผลต่อผู้บริโภค ผลผลิตยังไม่ถือว่าล้นตลาด แต่โดยรวมแล้ว รายได้ทางเศรษฐกิจทางการเกษตรของ ยะลาและ3 จังหวัดนี้ยังพอทำให้เกิดการหมุนเวียนพยุงรายได้ในพื้นที่อยู่มากพอสมควร และหากรัฐช่วยกันหนุนเสริมช่วยเหลือได้ทันท่วงทีแล้วจะทำให้พี่น้อง เราทุกคนยังอยู่ได้ ทุกคนก็alhamdulilah.ขอบคุณพระเจ้า และน้อมรับปรับตัว
เพราะฉะนั้นปีต่อไปหลังจากนี้ เราต้องวางแผนในอนาคตว่าเราจะต้องเตรียมการจัดการสำหรับผลผลิตทุเรียนอย่างไรบ้าง การพัฒนาโปรดักส์ของทุเรียน การแปรรูป การทำแปลงทุเรียนคุณภาพ เพื่อให้เพิ่มมูลค่าสูงขึ้น อย่างเช่นปีนี้ ได้เห็นการจัดการของมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ที่เข้ามาช่วยเสริมเกษตรกรปีนี้ซึ่งทำให้ได้ผลผลิตที่ดีราคาสูงขึ้น อีกทั้งการเตรียมโรงงาน ห้องเย็น และการเตรียมพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมทุเรียนอื่นๆ รวมทั้งระบบการจัดการขนส่ง การค้าขายออนไลน์ที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างไรในอนาคต นั่นคือสิ่งที่ชาวเกษตรกรในพื้นที่ทุกคนต้องคิดต้องทำทั้งหมด
สุกรี มะดากะกุล บก.@ชายแดนใต้