สำหรับความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบวางระเบิด จยย.บอมบ์ ดักสังหาร ร.ต.อ.รณวรรษ ทองคำ รอง สวป.สภ.รือเสาะและพวกรวม 5 นาย ริมถนนภายในสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อ 15.19 น.ของวันที่ 18 ต.ค. 61 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ ร.ต.อ.รณวรรษ รอง สวป.สภ.รือเสาะ และพวกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แถมรถยนต์ของทางราชการได้รับความเสียหายนั้น


ล่าสุดจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของ ร.ต.อ.อุทัย พันธ์ทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ ที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าริมถนนรือเสาะสนองกิจ เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ ซึ่งเยื้องกับประตูทางเข้าของสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของ 2 บุคคลต้องสงสัยไว้ได้ โดยในช่วงเวลา 15.23 น.หลังเกิดเหตุเพียง 4 นาทีให้หลัง ผู้ต้องสงสัย 2 คน ได้ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน อำพรางด้วยการสวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบปกปิดใบหน้า ใส่เสื้อยืดแขนยาวและสวมกางเกงยีนส์ ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.หลบหนี

โดยมุ่งหน้าตามทางเส้นไปยังโรงพยาบาลรือเสาะ โดย 1 ใน 2 คน ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้นั้น คาดว่าน่าจะเป็น นายอาดีนัน สาและ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีตามประกบยิงนางนิตยา และ ด.ญ.อัจฉริยา แก่นเรือง 2 แม่ลูกเสียชีวิตในพื้นที่ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 61 ที่ผ่านมา โดยหลังก่อเหตุ นายอาดีสัน ได้ชิงรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊กไอ สีน้ำตาลขาว ทะเบียน ขตท 329 นราธิวาส หลบหนีไปด้วย


ส่วนกรณีของรถ จยย.ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการซุกซ่อนวัตถุระเบิด เพื่อใช้ดักสังหาร ร.ต.อ.รณวรรษ รอง สวป.สภ.รือเสาะและพวกนั้น จากการตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดกองกำกับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รถ จยย.คันดังกล่าว เป็นรถ จยย.ที่คนร้ายได้ชิงทรัพย์หลังจากตามประกบยิง นางนิตยา และ ด.ญ.อัจฉริยา แก่นเรือง 2 แม่ลูกเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พบซากชิ้นส่วนของ รถ จยย.คันดังกล่าวในที่เกิดเหตุ ซึ่งตรงกับรถ จยย.ของนางนิตยา ที่ได้ระบุหมายเลขเครื่อง  CN 100 CE 0022313 และหมายเลขตัวรถ CN 110C 0022313 แล้วคนร้ายได้ทำการดัดแปลงตัวหมายเลขทะเบียน ด้วยการใช้สติกเกอร์สีดำติดไว้บนอักษรตัวเลข จาก 329 เป็น 828 เพื่อเลี่ยงหลีกและอำพรางเจ้าหน้าที่ ขณะขี่รถ จยย.คันดังกล่าวไปก่อเหตุ
ส่วนกรณีระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายใช้ซุกไว้ที่ช่องลับสำหรับใส่หมวกกันน็อค ใต้เบาะนั่งของรถ จยย. คันดังกล่าว จากการตรวจสอบเศษซากชิ้นส่วนต่างๆของวัตถุระเบิดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบว่า ภาชนะที่คนร้ายใช้ประกอบระเบิดเป็นถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 ก.ก.จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ยี่ห้อ TYT ด้วยระบบ DIAL TONE MULTI FREQUENCY หรือ DTMF ซึ่งเรียกโดยทั่วไปคือ ระบบไฟฟ้าแบบหน่วงเวลา โดยใช้เหล็กเส้นตัดท่อนเป็นสะเก็ดระเบิดในการสังหารเป้าหมาย
ด้านผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 นาย ซึ่งประกอบด้วย 1. ร.ต.อ.รณวรรษ ทองคำ อายุ 55 ปี รอง สวป.สภ.รือเสาะ 2. ส.ต.ท.ธีรศีกดิ์ ขาวพร้อม อายุ 26 ปี 3. ส.ต.ท.อดิศักดิ์ ยิ้มเจริญ อายุ 25 ปี 4. ส.ต.ต.ฟาริด แวมายิ อายุ 26 ปี และ 5. ส.ต.ต.ฮัซซาน แตบาตู อายุ 22 ปี ซึ่งถูกแรงอัดของอนุภาพระเบิด มีอาการแน่นหน้าอกหูอื้อและถูกเศษกระจกของรถยนต์ที่แตกบาดตามส่วนต่างๆของร่างกายเล็กน้อย หลังจากที่แพทย์โรงพยาบาลรือเสาะ ได้ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นแล้ว ได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ จ.ยะลา ซึ่งล่าสุดอาการดีขึ้นตามลำดับ
ด้าน พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจภูธรทั้ง 13 อำเภอ เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยเพ่งเล็งตรวจสอบ รถ จยย.และรถยนต์ ที่ถูกคนร้ายปล้นทรัพย์หรือฆ่าเจ้าทรัพย์แล้วชิงหลบหนี ที่คนร้ายอาจจะมีการลักลอบแฝงตัวนำไปก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆในแต่ละอำเภออย่างเคร่งครัด รวมทั้งทำการตรวจค้นยานพาหนะของบุคคลต้องสงสัยอย่างละเอียด เพื่อเป็นการป้องกันกลุ่มคนร้ายแอบลักลอบเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ประกอบระเบิด โดยเฉพาะระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้าง จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่ เหมือนครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจับกุมและตรวจยึดได้ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยถึงกรณีเหตุลอบวางระเบิดเพื่อดักสังการเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆที่เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมได้ในที่เกิดเหตุ ว่ามีคราบลายนิ้วมือแฝงและ ดี.เอ็น.เอ.ตรงกับบุคคลต้องสงสัย หรือบุคคลใดในแฟ้มทำเนียบก่อคดีความมั่นคง เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาลงโทษต่อไป