หน่วยความมั่นคง ชี้กลุ่มติดอาวุธ เคลื่อนไหวในรือเสาะ ก่อเหตุ ยิง เผารถ ตร.ศรีสาคร ด้านแม่ทัพภาค 4 เตือนเพิ่มความระมัดระวังเป้าหมายอ่อนแอ

0
718

หน่วยความมั่นคง ชี้กลุ่มติดอาวุธ เคลื่อนไหวในรือเสาะ ก่อเหตุ ยิง เผารถ ตำรวจศรีสาคร ด้านแม่ทัพภาต 4 เตือนกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินชีวิต อาจตกเป็นเป้าการก่อเหตุ
จากกรณีคนร้ายยิงตำรวจ ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และเผารถยนต์ ละยังวางวัตถุต้องสงสัยทำให้ยากลำบากในการเข้าไปช่วยเหลือ เหตุเกิด บ.ตามุง ม.2 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จว.นราธิวาส บนถนนสาย ศรีสาคร ลาโล๊ะ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั่น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2564 หน่วยงานความมั่นคงที่เกาะติดสถานการณ์ชายแดนใต้ระบุว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้าย อาวุธครบมือที่มีข่าวเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ซึ่งปรากฏภาพข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผกร.รุ่นใหม่ เข้ามารวมตัวกันที่บ้านสโลว์ หมู่ 7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จว.นราธิวาส รอยต่อบ้านซาตอ จำนวน 9 คน พร้อมอาวุธครบมือ โดยทำการประชุมเพื่อเตรียมการก่อเหตุ ซึ่งแหล่งข่าวได้แจ้งว่ามีการกำหนดเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารพรานของ ฉก.ทพ.46 ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่เป็นหลัก โดยรูปแบบของการก่อเหตุในครั้งนี้จะเป็นการลักพาตัว และนำไปเชือดคอหรือตัดศรีษะ เพื่อเป็นการตอบโต้จากการบังคับใช้กฏหมายของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่บ้านฮูแตยือลอ หมู่ 6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จว.นราธิวาส แต่คาดว่าไม่มีโอกาส จึงไปก่อเหตุพื้นที่ เขิงคีรีแทนซึ่งมีพื้นที่รอยต่อกับ อ.รือเสาะซึ่งทางหน่วยได้แจ้งเตือนไปก่อหน้านี้ให้ทุกหน่วยระมัดระวัง


ด้านพลตรีเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวถึง สถานการณ์เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นทึ่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมา ว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดี กรือกลุ่มที่มุ่งก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมุ่งหวังหาช่วงจังหวะ ที่เจ้าหน้าที่หย่อนยาน บกพร่อง หรือเหนื่อยล้าในการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะลอบก่อเหตุอยู่บ่อยครั้งนั้น ก็ได้สั่งกำชับไปยังหน่วยกำลังทุกหน่วย ให้เฝ้าระวังเส้นทาง เฝ้าระวังป้องกันตนเองในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางฝ่ายความมั่นคง ได้บังคับใช้กฏหมายและวิสามัญกลุ่มคนร้ายกลุ่มใหญ่จำนวน 6 ราย ที่ฮูแตยือลอ จ.นราธิวาส ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงเอง มีความพยายามที่จะไม่ให้เกิดการสูญเสียขึ้น แต่ก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมาย ที่กระทำ หรือสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชน และยังคงใช้มาตรการเชิงรุกในการติดตามข้อมูลข่าวสาร และบังคับใช้กฏหมายต่อกลุ่มบุคคลเหล่านั้นต่อไป

แม่ทัพภาค 4 ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของการดูแลกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่นั้น ได้มอบหมายแนวทางการปฏิบัติให้หน่วยกำลังในพื้นที่นั้น ๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ กลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ก็ต้องเฝ้าระมัดระวังตนเองด้วย เพราะกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ค่อนข้างจะบอบบาง ในเรื่องของการเฝ้าระวังป้องกันตนเอง เพราะฉนั้นมาตรการที่สำคัญในการกำชับให้ ชป.พิทักษ์พื้นที่ เฝ้าระวังป้องกัน และหากผู้ใดที่คิดว่าตกเป็นกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ยังไม่ได้รับการคุ้มครองดูแล ก็สามารถแจ้งไปยังหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ หรือแจ้งโดยตรงมายังแม่ทัพภาค 4 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 061-173-2999 สามารถแจ้งข่าว หรือเบาะแสต่าง ๆ ได้

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 กล่าวอีกว่า ในขณะนี้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ ทางฝ่ายความมั่นคงก็ดำเนินการติดตามอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงโอกาสก็พร้อมเข้าบังคับใช้กฏหมายอย่างเต็มที่ และในส่วนของการพูดคุยสันติสุข นั้น ก็ยังคงมีการดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดชะงักไปตามสถานการณ์โควิด-19 เพียงแต่ช่วงนี้ อาจจะไม่ได้มีการพบปะกันโดยตรง แต่ก็ได้ใช้ระบบออนไลน์ในการดำเนินการพูดคุยมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในขบวนการพูดคุย ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าก็ยังมี กลุ่ม สล.3 หรือ กลุ่มประสานงานระดับพื้นที่ ที่มีอยู่ด้วยกัน 9 กลุ่ม ทั้งนักวิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กร ทางศาสนา ที่จะนำเสนอข้อมูล ข้อเห็นต่างทาวความคิด หรือ ความต้องการ ข้อขัดสน ส่วนไหนส่วนใด ที่จะสามารถนำมาเป็นแนวทางในการพิจารณา เพื่อขับเคลื่อนการพูดคุยสันติภาพได้

มุกะตา หะไร ทีมข่าว@ชายแดนใต้ จ.ยะลา