5ประเด็น ก่อนหงส์เยือนนาโปลี ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2019/20

0
507

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2019/20 เปิดฉากแล้วในวันอังคารนี้ แน่นอนว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คงโฟกัสไปที่ 4 อรหันต์ตัวแทนจากเมืองผู้ดีได้แก่ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ เชลซี ในการชิงชัยถ้วยที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปครั้งนี้

     สำหรับ “หงส์แดง” ถือว่าเป็นช่วงสัปดาห์หฤโหด 4 แมตช์เกมเยือน โดยเริ่มด้วยการบุกถิ่นซาน เปาโล ปะทะ นาโปลี คู่อริเก่าที่พวกเขาเคยเพลี่ยงพล้ำมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อฤดูกาลที่ผ่าน และงานนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมต้องวางแท็คติกที่รัดกุมหากอยากจะกลับบ้านพร้อมกับ 3 แต้มสำคัญ

แน่นอนว่าการเอาฤกษ์เอาชัยด้วยชัยชนะถือเป็นเรื่องดีสำหรับทุกสโมสร และ “เดอะ เร้ดส์” ก็ต้องการ 3 แต้มในแมตช์นี้ เพราะถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจได้เป็นอย่างดี

1. สามประสานลงตัวจริง
ในแมตช์ที่เปิดรังแอนฟิลด์ ไล่ทุบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คล็อปป์ ตัดสินใจจับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ นั่งสำรอง เนื่องจากนักเตะอาจจะมีสภาพร่างกายไม่พร้อมเพราะต้องเดินทางไกลกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติบราซิล ในช่วงโปรแกรมทีมชาติ

สำหรับ 3 ประสานในแมตช์กับ “สาลิกาดง” ได้แก่ ซาดิโอ มาเน่, ดิว็อค โอริกี้ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเวิร์ก โดยเฉพาะในรายของ หัวหอกชาวเบลเยียม ที่ไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน และขู่แนวรับของผู้มาเยือนไม่ได้เลย  แต่เหมือนสวรรค์สั่งหรือนรกชังก็มิทราบได้ที่ทำให้ โอริกี้ บาดเจ็บช่วงกลางครึ่งแรก และ คล็อปป์ ต้องรีบเปลี่ยนตัว ฟีร์มีโน่ ลงสนาม ต้องบอกว่านี่คือ “จุดเปลี่ยน” อย่างแท้จริง เพราะเมื่อสตาร์ชาวบราซิเลียน ลงสนามโมเมนตัมของ “หงส์แดง” เปลี่ยนไปทันที มีการต่อเกมแบบไหลลื่น และสร้างโอกาสในการเจาะประตูคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง

ต้องยอมรับว่าเมื่อสามประสาน “หินเหล็กไฟ” (เอสเอ็มเอฟ) ลงสนามพร้อมกัน ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะ ฟีร์มีโน่ เป็นเหมือนกับเพลย์เมกเกอร์ที่คอยเชื่อมเกมแดนกลาง และแดนหน้า พร้อมทั้งป้อนบอลให้ มาเน่ กับ ซาลาห์ เข้าไปยิงประตู

การที่ “เดอะ เร้ดส์” มีสามคนนี้ลงสนามพร้อมกัน แน่นอนทีมสามารถสร้างเกมรุกที่หลากหลายทั้งการโจมตีด้วยความรวดเร็วจากทั้ง 2 ฝั่งสนาม แถมยังสามารถเจาะเข้าทำตรงกรอบเขตโทษ เหมือนเช่นประตูที่ ซาลาห์ ประสานงานกับ “บ็อบบี้” ในเกมทุบ นิวคาสเซิ่ล เป็นต้น

ฉะนั้นเกมรุกที่หลากหลายเป็นกุญแจสำคัญในการเจาะกำแพงหินในเมืองเนเปิ้ลส์ให้พังทลาย……
2. เปิดซิง อาเดรียน
หากจะพูดถึงนักฟุตบอลที่มีโชคลาภวาสนาต้องมีชื่อของ อาเดรียน นายทวารชาวสแปนิช ร่วมอยู่ด้วย ใครจะไปคิดว่าโกล์ที่ดึงตัวมาแบบฟรีเอเยนต์ และ คล็อปป์ แค่จะนำมาใช้งานในฐานะยางอะไหล่ กลับกลายเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักประจำฤดูกาลนี้

ในเวลานี้สาวก “เดอะ ค็อป” คงได้แต่รอคอยการกลับมาของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูจอมหนึบเท่านั้น ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือสนับสนุน อาเดรียน ต่อไป แม้ว่าเจ้าตัวอาจจะทำผิดพลาดไปบ้าง และรักษาคลีนชีตให้ทีมได้แค่เกมเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมองดูตัวสำรองคนอื่นทั้ง ควีวิน เคลเลเฮอร์ กับ แอนดี้ โลเนอร์แกน แน่นอนว่า นายด่านเลือดกระทิงดุค่อนข้างจะวางใจได้มากกว่า

อย่างไรก็ตามแม้ อาเดรียน จะผ่านมาเฝ้าเสาให้กับหลายสโมสรมาแล้วก็ตาม แต่ก็แค่เล่นให้กับทีมระดับกลางตาราง ฉะนั้นการได้ลงเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือว่าเป็นครั้งแรกของเขา ฉะนั้นแม้จะมีประสบการณ์โชกโชนแต่นี่คือบรรยากาศใหม่ที่เจ้าตัวไม่เคยสัมผัส แน่นอนว่าอาจจะมีอาการประหม่าหรือตื่นสนามได้พอสมควร สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็ คล็อปป์ ต้องกระตุ้น อาเดรียน ให้พร้อมที่จะรับมือกับแรงกดดันและเสียงเชียร์ที่แสนหฤโหดจากเหล่าสาวก “อัซซูร่า” เพราะหากเสียสมาธิเพียงแค่แวบเดียว มีสิทธิ์ที่เจ้าตัวจะต้องน้ำตาตกก็ได้

3. ฟาบินโญ่ (หมอปลา) หัวใจแกนกลาง 
ตอนนี้สาวก “เดอะ ค็อป” ยอมรับหมดใจว่า ฟาบินโญ่ คือแกนหลักในแดนกลางของ “หงส์แดง” ไปแล้ว จะเห็นได้ชัดในทุกเกมของซีซั่นนี้ที่ ดาวเตะชาวบราซิเลียน นอกจากจะคอยตัดเกมคู่แข่งแล้ว ยังสามารถเชื่อมเกมระหว่างแผงมิดฟิลด์กับสามประสาน “หินเหล็กไฟ” ได้อย่างไหลลื่น

ขณะเดียวกัน ฟาบินโญ่ ยังสามารถลงมาช่วยเกมรับโดยเฉพาะการเป็นตัวตัดเกมก่อนที่แนวรุกคู่แข่งจะหลุดเข้าไปดวลกับ 2 เซนเตอร์แบ็ก นอกจากนี้ ห้องเครื่องเมียสาว ยังมีทีเด็ดเรื่องการเติมเกมรุก และบางครั้งยังฉกฉวยโอกาสจากการยิงไกลได้ด้วย

ในเกมล่าสุด ฟาบินโญ่ ประสานงานกับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กับ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้เป็นอย่างดีๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้าตัวสามารถเล่นร่วมกับใครก็ได้ในแผงมิดฟิลด์ ฉะนั้นหากเกมเยือน นาโปลี นั้น คล็อปป์ เลือก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงสนาม ก็ไม่ใช่ปัญหาแถมจะยิ่งเล่นง่ายขึ้นเพราะ “เฮนโด้” จะคอยเติมเกมบุกมากกว่า ในขณะที่เขาจะโฟกัสไปที่การเป็นตัวสนับสนุน และเก็บกวาดในแดงกลาง

4. นาโปลี เกมรุกไม่ธรรมดา
ตลอด 5 เกมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูล กังวลใจที่สุดก็คือการเล่นเกมรับของทีม เพราะพวกเขาเก็บคลีนชีตได้แค่แมตช์เดียวเท่านั้น แถมในบางเกมแบ็กโฟร์มีการออกลูกโฉ่งฉ่างโดยเฉพาะฝั่งของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่มักจะมีอาการเป๋เมื่อโดนคู่แข่งบดขยี้จนตั้งรับไม่อยู่

ทีมของกุนซือคาร์โล อันเชลอตติ ก็มีสามประสานแนวรุกเช่นกันได้แก่ เอร์วิง โลซาโน่, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่  และ ดรีส์ เมอร์เท่นส์  โดยพวกเขาเป็นพวกสายสปีดเหมือนกับ 3 แข้ง “เอสเอ็มเอฟ” ฉะนั้นแผงแบ็กโฟร์ของ “หงส์แดง” จะเล่นหลุดเหมือนในเกมลีกไม่ได้เด็ดขาด

แม้ ลิเวอร์พูล จะมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่เล่นได้แน่นอนและวางใจได้ทั้งเกมบนพื้น และลูกกลางอากาศ แต่หากเพื่อนร่วมทีมโดยเฉพาะแนวรับคู่หูซึ่งคาดว่าจะเป็น โฌเอล มาติป ไม่สามารถแบ่งเบาภาระได้ ต่อให้สิบ “ซูเปอร์ไดค์” ก็ยากจะหยุดยั้งแนวรุกเร็วกว่านรกของ นาโปลี ได้

หากไม่เชื่อลองถาม อลีสซง ที่โดน เมอร์เท่นส์ ยิงดับนาทีสุดท้ายเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา  !!!

 5. ซาน เปาโล ยากจะทำลาย
ลิเวอร์พูล มีความทรงจำที่ไม่ค่อยโสภากับสนามแห่งนี้ เมื่อพวกเขาต้องออกมาพร้อมกับความชอกช้ำ เพราะแพ้ทั้งรูปเกม และสกอร์ แมตช์นั้น “หงส์แดง” ไม่สามารถทำอะไรเกมรับของ นาโปลี ได้เลย แถมยังโดนเกมรุกของเจ้าบ้านกดหัวชนิดที่แทบไม่ได้หายใจหายคอ จนสุดท้ายทำนบแตก ด้วยฝีเกือกของ เมอร์เท่นส์

   อย่างไรก็ตาม เกมรุกของลิเวอร์พูล ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวที่สุดในโลก ฉะนั้นหากพวกเขาเดินหน้าไล่กดดันเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่แน่ว่าแนวรับที่ว่าแกร่งๆ ของ นาโปลี อาจจะอ่อนยวบก็ได้ ที่สำคัญเกมรับของ “อัซซูร่า” เวลาเจอกดดันหนักอาจจะเป๋จนทำผิดพลาดเหมือนที่ คาลิดู คูลิบาลี่ ทำให้เห็นในนาทีสุดท้ายเกมแพ้ ยูเวนตุส !!!

 

 

 

ที่มา : siamsport

ภาพประกอบ : twitter