บินสำรวจพบ 7 อำเภอ นครฯ ได้รับผลกระทบจากอิทธิพายุ “ปาบึก” ริมฝั่งปากพนังและตะลุมพุกยังเสียหายเพราะพายุขึ้นฝั่ง
ความคืบหน้าสถานการณ์หลังจากพายุโซนร้อนปาบึกพัดถล่มพื้นที่ จ.สงขลาและ จ.นครศรีธรรมราชซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกัน ล่าสุดทางตำรวจทางหลวงกองกำกับการ7 กองบังคับการตำรวจทางหลวงและหน่วยบินสงขลา
ได้บินเข้าไปสำรวจสภาพพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุปาบึกขึ้นฝั่งเมื่อวันที่4 มกราคมที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่อ.หัวไทร อ.ปากพนัง แหลมตะลุมพุก อ.เมือง อ.ท่าศาลา อ.สิชล อ.ขนอม และบางส่วนของอ.ร่อนพิบูลย์
ซึ่งพบว่าสภาพพื้นที่ทั้งหมดเกือบเข้าสู่ภาวะปกติทั้งหมดแล้วสภาพคลื่นลมในทะเลเริ่มอ่อนกำลังลงมาก ถนนหนทางกลับมาใช้งานได้ตามปกติ เหลือเพียงเฉพาะพื้นที่ที่ติดริมน้ำบางส่วนที่ยังมีน้ำท่วมขัง ในขณะที่จุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคืออ.ปากพนัง และแหลมตะลุมพุก ที่เป็นจุดซึ่งพายุขึ้นฝั่งนั้นยังคงทิ้งร่องรอยของความเสียหายบ้านเรือนของประชาชนและสิ่งปลูกสร้างที่พังเสียหายและต้นไม้ล้ม ส่วนที่อ.ปากพนักยังมีพื้นที่อีกราว30เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้
วันนี้(6ม.ค.) พ.ต.อ. ภาคิน ณ ระนอง ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวงร่วมกับหน่วยบินสงขลา นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจเส้นทางถนนสาย 408 ตั้งแต่อ.สทิงพระ อ.ระโนด จ.สงขลา และอ.หัวไทร อ.ปากพนัง จนถึงแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรม และสภาพความเสียหายของพื้นที่จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึก
โดยพ.ต.อ. ภาคิน ณ ระนอง ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า สภาพถนนสาย408 ขณะนี้สามารถใช้การได้ดีทั้งขาขึ้นและขาล่อง โดยมีการเคลียร์พื้นที่นำสิ่งกีดขวางทั้งต้นไม้ที่หักโค่นและเสาไฟฟ้าที่ล้มออกจากถนนแล้ว รวมทั้งระบบสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งสามารถใช้การได้ตลอด
ทีมข่าว @ชายแดนใต้ จ.สงขลา