ส.ต.ท.โรงพักกะพ้อ จ.ปัตตานี 1 ใน 6 เหยื่อถูกกลุ่มคนอ้างเป็นชุดสืบภาค 9 อุ้มขึ้นรถเรียกค่าไถ่ 5 แสนหอบเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ท้องที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นทราบตัว 4 รายทั้งตำรวจและหญิงสาวคนประสานงาน 4 ข้อหาหนัก
จากกรณี ส.ต.ท.สัญลักษณ์ จันทร์ดำ ผบ.หมู่(ป) สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.โพธ สวยสุวรรณรอง ผบช.ภ.9 ที่สำนักงานตำรวจภูธร ภาค9 ส่วนหน้า จ.ยะลา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา หลังจากที่ถูกกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ประมาณ 10 คนยึดอาวุธปืนประจำกาย 2 กระบอกและอุ้มขึ้นรถยนต์กระบะพร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่ไม่ได้เป็นตำรวจ อีก5 คนเข้าเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาและทำการเรียกค่าไถ่รวมกันเป็นเงินจำนวน 5 แสนบาทและมีการต่อรองกันจนเหลือ 2 แสนบาทโดยให้เป็นเงินสดและจำนำรถเก๋งส่วนตัว 1 คันก่อนถูกปล่อยตัวออกมาพร้อมกับคืนอาวุธปืน
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 26 ต่อเนื่องถึงช่วงเที่ยงของวันที่ 27 มี.ค. 62 ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เรื่องยังไม่จบเนื่องจากเมื่อมีการไปติดต่อขอไถ่ถอนรถคืนกลับถูกปฏิเสธว่าได้ขายต่อไปให้แก๊งค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ยะลาไปแล้วในราคา 200,000 บาท จากแต่เดิมที่จำนำเอาไว้ 80,000 บาทและต้องเสีย ดอกเบี้ย 10% ต่อเดือน หากจะมาเอารถคืน
รวมทั้งมีการส่งข้อความมาข่มขู่จากหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ติดต่อประสานงานระหว่างชุดอุ้มกับทางกลุ่มผู้เสียหายโดยบอกให้จบเรื่องและหากไม่จบก็จะมีการเล่นงานด้วยวิธีการต่างๆ นานๆ และยัดยาเสพติดใส่ในรถเก๋งเพื่อให้หลุดจากวงการตำรวจ จนทางครอบครัวและญาติที่เป็นตำรวจด้วยกันไม่สามารถที่จะยินยอมต่อไปได้ กระทั่งมีการเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับผู้บังคับบัญชา ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 62 ที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลาทาง ส.ต.ท.สัญลักษณ์ จันทร์ดำ ผบ.หมู่(ป) สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน6 ผู้เสียหายพร้อมกับมารดาได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานทั้งบันทึกข้อความขอความเป็นธรรมรวมทั้งหลักฐานจากการแคปเจอร์หน้าจอการสนทนา และหลักฐานทางการเงินต่างๆ และใบจำนำทองเข้าแจ้งความกับทาง ร.ต.อ.เดชา วัตมากคำ พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่
เพื่อให้ดำเนินคดีกลับกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ที่อุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่ดังกล่าวในฐานความผิด 4 ข้อหา คือร่วมกันทำความผิดต่อเสรีภาพ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง, ร่วมกันเรียกค่าไถ่และร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยเบื้องต้นนั้นทราบตัวแล้ว 4 ราย โดยเป็นตำรวจทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตร รวม3 รายและอีกรายเป็นหญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นคนติดต่อประสานงานและอ้างตัวว่าเป็นเมียตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถที่จะให้เปิดเผยรายชื่อในขณะนี้ได้
หลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้พาตัว ส.ต.ท.สัญลักษณ์ จันทร์ดำ ผบ.หมู่(ป) สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ผู้เสียหายไปตรวจสอบและชี้จุดที่เกิดเหตุ2 จุดโดยจุดแรกอยู่ภายใน ซ.18 ถ.รัตนอุทิศเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่ทาง ส.ต.ท.สัญลักษณ์ได้ขับรถเก๋งมาส่งเพื่อนที่บ้านพักและพบกับกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจก่อนที่จะมีการชุลมุนกันขึ้นและทั้ง 6 คนถูกอุ้มขึ้นท้ายรถยนต์กระบะมุ่งหน้าไปยังเซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งภายใน ซ.5 ถ.ท่าไทร–บางหยีต.คลองแหอ.หาดใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 15 นาทีซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุจุดที่2 เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี
นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนยังได้มอบหมายให้ทาง ส.ต.ท.สัญลักษณ์นำสำเนาบันทึกแจ้งความเข้ายื่นต่อตำรวจ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลาหลังจากที่ทาง ส.ต.ท.สัญลักษณ์ สืบทราบและตามหาจนพบว่ารถยนต์เก๋งส่วนตัวของตนเองนั้นถูกขายต่อมาอีกทอดและมีผู้ครอบครองอยู่ในพื้นที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เพื่อให้ทางตำรวจ สภ.บางกล่ำเข้าตรวจสอบและแจ้งให้กับผู้ที่ครอบครองทราบว่าเป็นรถที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีและต้องนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สภ.หาดใหญ่จนกว่าคดีความจะแล้วเสร็จ
ส่วนทางด้านผู้เป็นแม่และญาติที่เป็นตำรวจของ ส.ต.ท.สัญลักษณ์นั้นได้ของให้ทางผู้บังคับบัญชารวมทั้งตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ความยุติธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีการข่มขู่คุกคามตลอดเวลาอีกทั้งยังเป็นตำรวจเหมือนกันอีกด้วย
ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ได้ทราบเรื่องและสั่งให้การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วโดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและขอเวลาสะสางเรื่องนี้แต่อาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลไปได้มากกว่านี้ แต่ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย และหากมีความผิดจริงดังที่ปรากฎ ก็จะต้องได้รับโทษทั้งทางอาญาและวินัย อย่างถึงที่สุด.