“อาวัง สะดอ” ตอนที่ 2 เสียงจากพื้นที่จริง ประวัติศาสตร์อิงหรือเรื่องเล่า?

0
2160

ในบันทึกประวัติศาสตร์ ประวัติชีวิต ขุนพันธรักษ์ ราชเดช มือปราบผู้เก่งกล้าอันดับมือ1 ของประเทศ ที่สามารถปราบปรามเหล่าโจรมาแล้วมากมาย ไปทั่วทุกย่าน ทุกแห่ง ทุกภาค ตั้งแต่ ภาคอีสาน หรือกลาง ไปถึงภาคใต้ ที่ถูกขึ้นชื่อว่า “โจร” เสือ บรรดาคนพันธ์เสือทั้งหลายล้วนพลาดท่าโดน ขุนพันธ์ปราปมาหมด  และโจรผู้ร้ายตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ นายอาวังสะดอ ตาเละ จอมโจรเสือร้ายผู้สร้างตำนาน แห่งหุบเขาบูโด

วัยเด็กตัวตนของ อาวังสะดอ ตาเละ

ที่เชิงเขาบูโด อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ระหว่างหมู่บ้านยามูแรแนและหมู่บ้านจำปากอ คือ บ้านเกิดของนายอาวัง  สะดอ ตาเละ

สำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ ชาวบ้าน 2 ตำบลในแถบนี้ ในวัยอายุ 60- 70 ปีขึ้นไป ยังคงจำเรื่องราวมีเรื่องเล่าในความทรงจำ เกี่ยวกับ ชีวิตของบุคคลคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่า  นาย อาวังสะดอ  เสือร้ายที่สร้างตำนานสำคัญหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์และเล่าสืบต่อๆกันตลอดมา

อาวัง สะดอนั้นมีชีวิตอยู่ในสมัยช่วงสมัย หลังสงครามโลก ช่วงประมาณปี (พศ 2433 – 2483)คำนวณช่วงอายุวัย นายอาวังสะดอ เทียบกับบุตรหลาน

ชีวิตของ ผู้ชาย คนหนึ่ง ที่เลือกเอาชีวิต ที่ก้าวข้ามไปจากวิถีชีวิตคนทั่วไป นั่นก็คือ การใช้ชีวิต สู่ความเป็นเสือ ซึ่งทำให้ผู้คนต่างมีความเกรงกลัว และ มีชื่อเสียง เลื่องลือไปทั่ว ว่าที่นี้มีโจรผู้ร้ายที่มีนามว่า อาวังสะดอ  “ตาเละ”เป็นผู้มีวิชาอาคม บ้างว่าหายตัวได้ ฟันแทงไม่เข้าไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้ มีวิชาคงกระพันชาตรี กระสุนปืนไม่สามารถยิงถูกตัวเขาได้  ยากที่ใครจะจับตัวเขามาได้ ตำรวจจากงขลาพยายามไล่ตามจับเขาได้เข้าปะทะกันหลายครั้ง ก็ยังไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ จนทำให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ว่าเขาเป็นเสือร้าย จอมโจรแห่งเทือกเขาบูโด ที่ใครๆต่างรู้จักและหวั่นเกรง

ที่มาคำว่า อาวัง สะดอนั้น เป็นชื่อเรียกหรือฉายาของเขา อันชื่อจริงเขาชื่อว่าอะไรนั้นไม่มีใครจำได้ แต่คำว่า  “สือดอ”นี้ มาจากช้างสีดอ ซึ่งเป็นช้าง ของคุณปู่ของเขา ซึ่งเคยเป็นแม่ทัพคนหนึ่ง ของเจ้าเมืองปัตตานี ผุ้มีตำแหน่งแม่ทัพที่ชื่อว่า โต๊ะบาตูเซ็ง ซึ่งเป็นแม่ทัพที่หนีภัยสงครามครั้ง สงครามระหว่างสยาม- ปัตตานีตั้งแต่อดีต และท่านหนีภัยสงครามและทำหน้าที่มาอารักขา ท่านอุลามะอ์(ผู้รู้ผู้นำด้านจิตวิญญาณ) ได้ตั้งถิ่นฐานที่เชิงเขาบูโดที่ปัจจุบันคือ หมู่บ้านลูโบะบาตู เป็นผู้อยู่ดูแลโต้ะครูแห่งมัสยิดตะโละมาเนาะ มัสยิด 300 ปีด้วย

ช้างสีดอคือหนึ่งในช้างของท่านโต้ะบาตูเซ็ง มีอยู่ 3 เชือก ช้างที่ชื่อสีดอตัวนั้นซึ่งแข็งแรง แข็งแกร่ง  อาวัง สะดอ ภูมิใจตนเองด้วยที่เป็นคนรูปร่างใหญ่โต ภูมิฐาน และแข็งแรงเหมือนช้าง เปรียบตัวเองเป็นดั่งช้าง เลยจับตั้งชื่อฉายาแทนตัวเอง และให้เพื่อนๆเรียกแทนตัวเองว่า สือดอ จากนั้นมาใครๆก็เรียกเขาว่า อาวัง ซือดอ นานๆเข้าเรียกเพี้ยนเป็น สะดอ

 นายอาวัง สะดอ เป็นคน ที่มีหัวจิต หัวใจกล้าหาญมาตั้งแต่เด็ก ครั้นเมื่ออายุยัง เยาว์วัยนั้น มีวีรกรรมให้คนทั้งหมู่บ้านได้จดจำอยู่ครั้งหนึ่ง    ในชั้นเรียนกุรอ่านอยู่กับท่านโต้ะครูที่ชาวบ้าน  เรียกว่าโต๊ะยีและห์  เป็นผู้สอนกุรอาน อาวัง สะดอ เมื่อเขาได้ถูกทำโทษ  อาวัง สะดอ ได้โกรธโต้ะครูของเขาอย่างมาก  จนถึงกับได้หนีออกจากบ้านขึ้นไปอยู่บนภูเขา ไม่ยอมกลับบ้านเป็นเวลาหลายวัน ต้องนอนบนต้นไม้ บนป่าเขา บนเทือกเขาบูโด  ทำให้ญาติพี่น้องทุกคนต่างต้องตามหากันทั้งหมู่บ้าน และเมื่อไปตามหาพบเจอแล้ว อาวัง สะดอ กลับบอกว่า ให้ตามท่านโต้ะครู มาขอโทษซะก่อนจึงจะยอมกลับบ้าน      นี่คือวีรกรรมเมื่อครั้งเยาว์วัยของนาย อะแวสะดอ ที่เล่าขานต่อๆกันมา ทึ่ใครๆ ต่างต้องจดจำในความ ร้ายกาจ ดื้อดึง เด็ดเดี่ยว ของเจ้าเด็กคนนี้

   และเมื่อชีวิตย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่น  ในวัยหนุ่ม นายอาวัง สะดอ สร้างวีรกรรมได้ไกลยิ่งขึ้น เขามักมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำกับเด็กวัยรุ่นคราวเดียวกัน บ้างก็เป็นคนตัวใหญ่กว่า และไม่มีใคร ที่จะต่อสู้ชนะเขาได้ ทุกคนในหมู่บ้านและหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง  ทุกรายจะต้องโดนนาย อาวัง สะดอจัดการมีเรื่องชกต่อยกันได้แทบทุกวัน

เพราะความที่ เป็นคนมีจิตใจร้อนวู่วาม และเป็นคนมีนิสัยชอบโมโหโกรธาเป็นประจำ จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ว่านายอาวัง สะดอ เจอใครพูดไม่เข้าหูไม่ได้  เป็นนักเลงตัวจริง จนไม่มีใครอยากจะเข้าหา และไม่กล้ายุ่งด้วย จึงทำให้เขายิ่งฮึกเหิม มากยิ่งขึ้น