2476โจรจีนบุกโรงพักเบตง ตอนที่14

0
773

โจรจีน บุกโรงพักเบตง  2476 ตอนที่  14  (ตรวจค้น  จับกุม 2)

โดยอิสมาแอล สาเระ นักประวัติศาสตร์ มลายูเบตง

จะเป็นเจตนาอย่างไร  ไม่ทราบได้ ( ต่อมาภายหลัง สัณนิษฐาน ได้ว่า  นาย ยิ่น ฯ มีเจตนาไม่บริสุทธิ์)  นาย ยิ่น ฯ ได้ขยายความ ข้อความ บนซองจดหมาย จากภาษา ถั่วงอก (สำนวน ของคุณ สงวน) คือ ภาษาจีน  ว่า  “ มันกำลังจะไปประชุมกินเลือดกัน  ตามวิธีการของพวก คอมมิวนิสต์ กัน”

“เอาละนี่   นั่นไง ล่ะ เห็นไหม ไอ้เวรนี่”  คุณ สิงห์ โต  ฯ ( ร.ต.ท.  สิงห์โต  ภมรสิงห์ ) คำรามออกมา  เหมือนถูกปลุก ให้อารมณ์ เดือดมากขึ้น   ในภาวะเช่นนี้ อารมณ์ ย่อมอยู่เหนือ เหตุผลเสมอ เมื่อพวกเราถูกจี้ให้ถึงจุดเดือด อารมณ์ ร้อนก็ยิ่งพล่าน  เหมือนเอานำราดลงในน้ำมันที่กำลังเดือด ผลจะเป็นเช่นไร ก็ย่อมรู้กันอยู่แล้ว . นอกจาก ซองสีชมพู แล้ว  ยังมีสมุดกระดาษจีน เล่มหนึ่ง  เป็นกระดาษหยาบสำหรับเขียนกับ พุ่กัน  เป็นสมุดเปล่า แต่มีแถบ ผ้าแดง ขนาดผ้าพันแขนทุกข์ พันสอดใว้ในสมุด 2  ผืน  กับมีผ้าขาวขนาดกว้างราว  1  นิ้ว  ยาวศอกเศษ รวม  2  ผืน  พันสมุดเล่มนั้นใว้อีกทีหนึ่ง ที่ผ้าข้าว มีอักษรจีนสีดำ ซึ่งนาย  ยื่นฯ  อ่านแล้วแปลให้ฟังว่า “กอง 1” อีกผืนหนึ่ง แปลว่า  “  กอง 2 “  และนาย ยิ่น  ฯ  ยังได้ อธิบายความหมายประกอบอีกว่า กอง 1  และ กอง 2  ว่า  “  กองโจร “

คุณ สิงห์ โต ฯ แสดงอาการโกรธ  ออกมา  ชัดเจน เด่นชัดกว่าใคร  โดยอุทาน ออกมาว่า “ไอ้พวกนี้เป็นกองเสบียง ของพวกโจรจีน อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว  แล้วทุกคนในที่นั้น ก็ไม่คิดเป็นอย่างอื่น  คือต่างคนต่างก็คิดว่า เป็นกองเสบียงโจรจีนแน่เลย

เป็นที่น่า  ประหลาดใจ ว่า ไม่มีใคร เอะ ใจ จะเปิดดู ซอง  สีชมพู ดูในขณะนั้น  ว่ามีอะไร  อยู่ภายใน ที่ซอง ทีจะชักนำพาให้รู้เรื่องมากกว่านี้  จนถึงอีกวันต่อมา(  30 ตุลาคม) จึงได้พบว่า ภายในซองนั้นมีเงิน อยู่   2  เหรียญ เป็นธนบัตร  สหพันธรัฐ มลายู  ใบละ   1  เหรียญ   2  ใบ  ไม่มีอะไร  ในซองที่  แสดงว่า  เป็น  คอมมิวนิสต์ หรือ บรรดาพรรคพวกผู้ร้ายที่พวกเรามั่นใจเป็นมั่นเป็นเหมาะนั่นเลย

เนื่องจากข้อความที่  หน้า  ซอง สี ชมพู  ซึ่งถือว่า  เป็นเรื่องสำคัญ ขนาดคอขาด บาดตาย  โดย  นาย ยิ่น  เป็นผู้บันดาลให้เป็น  จะเป็นเจตนาคิดไม่ดีหรือไม่อย่างไร ไม่อาจรู้ได้ (ขณะนั้นไม่ได้นึกเฉลียวใจ)  แต่ก็ทำให้มีการลงความเห็นว่า  นาย  “แต้ฮุดจาง”  เป็นหัวหน้าโจร และผลที่เกิดจากความเห็นนั้นก็คือ  หลวงเจริญ ฯ (ร.ต.อ เจริญ  ฯ)เข้าทำการตรวจค้นหาหลักฐานในร้านค้าชื่อ “ลีสาง” ซึ่งเป็นร้านของนาย “แต้ฟัดจาง”หรือ “นายเจียงฟัตจาง” ในการตรวจค้นนอกจากได้สมุดบัญชีหลายเล่ม ซึ่งสงสัยว่า จะมีข้อความระบุไปทางคอมมิวนิสต์บ้างแล้ว ก็ไม่ได้หลักฐานอย่างอื่น (ภายหลังตำรวจนำสมุดบัญชีเหล่านั้นมาให้   นาย ยิ่น  อ่านบนบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าเป็นสมุดบัญชีการค้า

บนสถานีตำรวจ เมื่อการตรวจร่างกายผู้ต้องหาสิ้นสุดลง ผู้ต้องหาทั้ง  10  คน ก็ถูกค้นตามร่างกายเรียงตัว  ไล่เข้าห้องขัง  บางคนถึงกับล้มลุกคลุกคลานไปก็มี เงินทองที่มีติดตัว ก็ตกเรี่ยราดไม่มีเวลาเก็บ  ขณะนั้นไม่มีใครมาจะมาอินังขังขอบ ว่ามันจะเจ็บปวดเสียหายอะไรบ้าง เพระชังน้ำหน้าที่เป็นพรรคพวกโจรจีนมาทำร้ายคน ทำให้พวกเราลืมไปว่า พรรคพวกมันตายไป 1  คน

ขณะที่นายสงวน ฯ  เดินผ่าน บนถนนหน้าสถานีตำรวจ  เห็นนายสิบตำรวจ พาคนจีน คนหนึ่ง ไปทางสถานีตำรวจ  พอได้อีก  สักพัก  ตำรวจ อีกคนเดินผ่านไป มุ่งสถานีตำรวจ  พร้อมกับคนจีนอีกคนหนึ่ง  ผู้ต้องหาคนหลังนี้ เป็นครูจีน  เมื่อพามาถึงบันไดด้านล่างหน้าสถานีตำรวจ  ก็ได้ยินเสียง คุณ  สิงห์โต ฯ  ตะโกนร้องมาจากสถานีว่า “บอกว่าเต็มแล้ว  ไม่มีที่ขัง    ยังจะขืนเอามา   โง่จริง  “

นาย สิบตำรวจ  จึงพาผู้ต้องหากลับไปทาง ตลาด แล้วเลี้ยวเข้าบ้านพัก  ของพนักงาน ไปรษณีย์  ทราบภายหลัง ว่า  ครูจีน คนนี้ถูกจับ เนื่องมาจาก “ พลฯ เซ่งฮวด  ไชยพงศ์”  กล่าวหาว่า ครูจีน ผู้นี้ เป็นผู้โยนระเบิด มาจากโรงเรียนจีน  “  จงหัว”  เวลาที่  พลฯ เซ่งฮวด  เห็นครูจีนคนนี้  ขณะที่ พลฯ เซ่งฮวด  หนี โจรจีน เข้าไปแอบ  อยู่ในบ้าน ของนาย  “จ่าย  วงค์สำราญ” ( ปัจจุบันเป็นหน้าโรงภาพยนตร์ ออร่า/ เบตง พลาซ่า ) ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ปรากฎ

หลังจากตรวจงาน  บนไปรษณีย์  เสร็จ  นาย สงวน  ก็เดินกลับไปบ้านพักหลวง  เจริญ  เพื่อไปเยี่ยมครอบครัว  ที่ได้อพยพไปที่นั่น หลังเกิดเหตุ  สภาพความเป็นอยู่  แออัด นั่งเบียดเสียดกัน  เสียงร้องกระจองอแงของเด็ก ๆ สภาพของบ้านตอนนี้  เมือเทียบกับจำนวน ผู้อาศัย  แล้ว ที่ว่างแทบจะไม่มี  แต่ก็ต้องทน เพื่อความปลอดภัย  ตั้งแต่เกิดเหตุ  ไม่มีใครกล้าออกไปไหนเลย ขาดแคลน น้ำ  แม้ว่า  คลองเบตง  จะอยู่ไกล เพียงแค่ 200  เมตร ก็ไม่มีใครกล้าไป

ต่อมาเวลา  16.00 วันเดียวกัน  หัวหน้าสถานีตำรวจ อำเภอ  โก๊ร ะ รัฐเปรัค  มาลายา (Keroh ,Perak, Malaya ) เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุด ได้เดินทางเข้ามาแจ้งกับ ผู้ว่าราชการอำเภอ(  นายอำเภอ) ว่า  ตำรวจที่  โกร๊ะ ได้จับกุม จีน  ชื่อว่า “บาบีซาง “ พ้อมกับพวก รวม 2 คน  ขณะคนทั้ง  2  กำลังหนีเขไปในเขต โกร๊ะ   มาลายู   และว่าถ้าทาง สยาม ต้องการตัว  ก็ยินดีพร้อม จะมอบให้

ผู้ว่าราชการ ได้แสดงความขอบใจในความเอื้อเฟื้อของเขา และบอกว่าจะให้หัวหน้ากองตำรวจเบตง  ออกไปรับตัวจากเขาวันนี้

นายตำรวจ โก๊ระ ผุ้นั้น  อยู่สนทนา  ไต่ถามถึงความเป็นไปเกี่ยวกับโจรจีน   และให้ความคิดเห็นว่า  แม้ว่าโจรจีนจะแตกพ่ายไปแล้วก็อย่าได้วางใจ เพราะมันอาจโกรธแค้นที่พวกมันล้มตายไปจำนวนมาก มันทำการไม่สำเร็จด้วยจำนวนคน ร้อยเดียว มันอาจจะก่อเหตุอีกและจะเพิ่มกำลังเป็นคน หลาย ร้อย คนก็ได้ หลังจากนั้นเมื่อได้เวลาก็ลากลับไป

 

ตามความคิดของนายสงวน(คนเดียว) ได้สรุปสาเหตุที่เกิดการปล้นครั้งนี้ มี 3  ประการ

1.ความเจ็บแค้นอาฆาต

2.ความยากจนบังคับให้เกิดความจำเป็น

3.ความหย่อนของการทำหน้าที่ของฝ่ายปกครองบางคน

เวลา  20.00  น.มีตำรวจ รวม พลเรือน  6 คน  จะเดินเข้าไปตรวจตลาด ผ่าน ที่ทำการ”ไปรษณีย์”นาย  สงวน   อาสาไปด้วย       สภาพร้านค้าในขณะนั้น  นอกจากเห็นแสงสว่าง หริบหรี่ จะดับมิดับแหล่  จากตะเกียงหลอดที่ไม่อาจต้านแรงลม ก็เหมือนไปในที่ที่ไม่มีบ้านคน(ยังไม่มี่ไฟฟ้าใช้) รู้สึกไม่ไช่เหมือนตลาดที่เคยมา ดูแปลกตาไปหมด(ปกติใช้ตะเกียงเจ้พายุ) ในร้านที่เคยมีลูกค้าพลุ่กพล่าน  ตอนนี้มีเพียงคนเฝ้าร้าน 2- 3 คนเท่านั้น

ขอขอบคุณภาพปกจากนิตยสารเก่าอสท.

โปeรดตืดตามอ่านตอนที 15