พ.ต.อ.ทวี เยี่ยม ครอบครัว ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ขณะเจรจาให้ผู้เห็นต่างออกมามอบตัว จากเหตุ ปิดล้อมตรวจค้นที่ หมู่ 7 ต.ดอนรัก จ.ปัตตานี ต่อด้วยเยี่ยมกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบกว่า 200 คน ที่ “หมู่บ้านแม่หม้าย”

0
255
พ.ต.อ.ทวี เยี่ยม ครอบครัว ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ขณะเจรจาให้ผู้เห็นต่างออกมามอบตัว จากเหตุ ปิดล้อมตรวจค้นที่ หมู่ 7 ต.ดอนรัก จ.ปัตตานี
พ.ต.อ.ทวี เยี่ยม ครอบครัว ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ขณะเจรจาให้ผู้เห็นต่างออกมามอบตัว จากเหตุ ปิดล้อมตรวจค้นที่ หมู่ 7 ต.ดอนรัก จ.ปัตตานี

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เยี่ยม ภรรยา พร้อมบุตรสาว 2 คน ของ ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ขณะเจรจาให้ผู้เห็นต่างจากรัฐออกมามอบตัว จากเหตุ ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

โดย นายเจ๊ะมูหามะญากี เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.ดอนรัก ได้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือทางราชการ พยายามเจรจาเพื่อให้ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงยอมมอบตัว แต่ไม่เป็นผล และคนร้ายได้ยิงตอบโต้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และยังทำให้นายเจ๊ะมูหามะญากี ถูกยิงที่ขาขวาตัดเส้นเลือดใหญ่ เสียเลือดมากจนเสียชีวิต ขณะที่ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ก่อเหตุ ถูกวิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 ที่ผ่านมา

นางรอมียะห์ มูดอ ภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน กล่าวกับ พ.ต.อ.ทวี ว่า อยากให้ช่วยในเรื่องการศึกษาของลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่อีก 1 คน ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ส่วนอีกคนทำงานแล้ว อยู่ภาคเอกชน

“เมื่อน้องเรียนทางด้านการปกครอง ก็อยากให้ท่านเลขาธิการพรรคประชาชาติ เสนอต่อรัฐบาลให้รับน้องเข้ารับราชการตามรอยผู้พิทักษ์แผ่นดินอย่างพ่อของน้อง ที่กล้าเสี่ยงเพื่อความถูกต้องและเพื่อประชาชน” ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับครอบครัวผู้ใหญ่บ้านว่า ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนที่ดูแลครอบครัวและลูกบ้านอย่างดีที่สุด ดูจากความกล้าหาญและเสียสละของตัวท่าน สำหรับครอบครัวต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ และเป็นสิทธิ์ที่ทายาทจะได้รับราชการ เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องเยียวยาและดูแลอยู่แล้ว

“ผู้ใหญ่บ้านทำงานตามหน้าที่และตามบังคับบัญชา ทราบว่าทางแม่ทัพภาคที่ 4 รับเรื่องที่จะดูแลเยียวยาครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านอยู่แล้ว ซึ่งหากน้องจะทำงานด้านปกครองตามรอยพ่อ ก็ให้พยายามเรียนต่อถึงปริญญาโท เพราะการศึกษาเป็นสิทธิ์ของเราที่จะเรียนให้สูงแค่ไหนก็ได้ เมื่อได้รับราชการจะได้เพิ่มพูนความรู้ในหน้าที่” พ.ต.อ.ทวี ระบุ

เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวอีกว่า ขอชื่นชมในความเสียสละของผู้ใหญ่บ้านในการช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ท่านผู้ใหญ่บ้านเอาชีวิตเข้าไปเกลี้ยกล่อมผู้เห็นต่างจากรัฐ ทั้งที่รู้ว่าเหตุการณ์ตรงนั้นมีความเสี่ยงมาก จะเห็นว่าท่านผู้ใหญ่บ้านมีจิตใจที่สูงส่งมาก

ต่อจากนั้น“พ.ต.อ.ทวี”เยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนใต้ จำนวนกว่า 200 คน ที่หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง หรือ “หมู่บ้านแม่หม้าย” หมู่ 7 บ้านรอตันบาตู ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส

กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ “รอตันบาตู” ปลื้มใจ “พ.ต.อ.ทวี” ไม่เคยทอดทิ้ง เยี่ยมให้กำลังใจตลอดมา ให้สัญญา “มอบใจให้ตลอดกาล…” ด้านเลขาธิการพรรคประชาชาติ ย้ำนโยบายรัฐสวัสดิการ ดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 20 ปี 3,000 บาทต่อเดือน พร้อมเรียนฟรี และมีเบี้ยบำนาญผู้สูงอายุ

การเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชน โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่เลือกกลุ่ม ไม่เลือกศาสนา เป็นภารกิจและความตั้งใจของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ

ล่าสุด พ.ต.อ.ทวี นำคณะพรรคประชาชาติ เข้าเยี่ยมกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนใต้ จำนวนกว่า 200 คน ที่หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง หรือ “หมู่บ้านแม่หม้าย” หมู่ 7 บ้านรอตันบาตู ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส

หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านรอตันบาตู มีครอบครัวของเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์ความไม่สงบ อาศัยอยู่ทั้งหมดกว่า 500 คน

นางอ้อยใจ ศรีสุวรรณ์ ประธานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง บ้านรอตันบาตู พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบกว่า 200 คน มารอพบ พ.ต.อ.ทวี พร้อมกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่ได้เจอ และดีใจที่ พ.ต.อ.ทวี ยังให้ความสำคัญมาเยี่ยมเยียนไม่เคยขาด พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยลืมการช่วยเหลือเยียวยาสมัยที่ พ.ต.อ.ทวี ทำหน้าที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

“สิ่งที่ท่านทวีทำมาทั้งหมด อยู่ในใจทุกคนตลอดไป” นางอ้อยใจ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับสมาชิกบ้านรอตันบาตูว่า วันนี้มาเยี่ยมและมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ทุกท่านที่นั่งในที่นี้คือสตรีผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากที่แท้จริง คนอื่นจะพูดเรื่องผลกระทบได้ดีไม่เท่าคนในพื้นที่ที่เผชิญกับสถานการณ์จริง

“สตรีในพื้นที่ เมื่อสูญเสียสามีไป จะกลายเป็นผู้นำครอบครัว ต้องแบกทั้งความหวังและความกลัว นั่นก็คือความหวังอยากให้ครอบครัวอยู่ดีต่อไป ลูกได้เรียนหนังสือ หวังจะมีอนาคตที่ดี ส่วนความกลัวก็คือกลัวครอบครัวไม่มีอันจะกิน กลัวอด และกลัวความไม่ปลอดภัยในชีวิต”

“สิ่งเหล่านี้พวกเรารู้ดี เพราะเจอเหตุการณ์ด้วยตนเอง จะทำอย่างไรไม่ให้มีการเสียชีวิตแบบนี้อีก ทำอย่างไรจะคืนความสูญเสียให้กลับมาได้ สิ่งที่ทำได้ก็คือการเยียวยาที่เป็นตัวเงิน แต่มันก็แค่วัตถุ สิ่งที่เราต้องทำคือการเยียวยาจิตใจให้มากกว่านี้”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาชาติเคยบอกทำอย่างไรที่จะไม่ใช่เยียวยาเฉพาะเงินทองอย่างเดียว เราจะต้องทำให้ครอบครัวมีรายได้ มีงานทำด้วย จะได้ไม่อดตาย การเยียวยาต้องเป็นสวัสดิการแก้ความยากจน ทำให้มีอาชีพ และจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีอนามัย มีสาธารณสุขที่ดี มีการดูแลรักษาดี และมีโอกาสให้ลูกหลานมีการศึกษา เรียนดีไม่แพ้ตอนที่มีพ่ออยู่ด้วยกัน

เนื่องจากเราอยู่ด้วยกันแบบพหุวัฒนธรรม มีพุทธ มุสลิม และศาสนิกอื่น เราต้องมีอัตลักษณ์ การให้เกียรติ ให้ความเคารพในความแตกต่างของการอยู่ร่วมกัน ทั้งหมดต้องเป็นหลักในการเยียวยา

“อัตลักษณ์ในการเยียวยา หากเป็นชาวพุทธต้องมีสถานที่ปฏิบัติธรรม พี่น้องมุสลิมต้องได้ไปทำฮัจย์ ทำอุมเราะฮ์ หรือปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา และสิ่งที่รัฐจะต้องไม่ลืม คือความอยุติธรรม คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า พรรคประชาชาติไม่ได้ทำการเมืองเพื่อตนเอง ถ้าทำเพื่อตนเองก็ไม่ได้อยู่จุดนี้ เป้าหมายของพรรคคือทำอย่างไรให้คนในพื้นที่ได้อยู่อย่างปลอดภัย เพราะที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ต้องทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข นี่คือเป้าหมายของพรรคประชาชาติ

“เมื่อมาเห็นสภาพในพื้นที่ การทำงานการเมืองต้องมาแก้ปัญหาทุกเรื่อง และหาวิธีแก้ให้ได้ การดำเนินการเราจะต้องมีรัฐสวัสดิการ อย่างเช่น เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 20 ปี จะต้องมีรัฐสวัสดิการดูแลการศึกษาทุกเดือน ให้คนละ 3,000 บาท”

“อีกอย่างหากพรรคประชาชาติได้เป็นรัฐบาล จะผลักดันการศึกษาฟรีให้เด็กทุกคน ส่วนเรื่องเงินกู้ กยศ.ต้องไม่มีดอกเบี้ย เพื่อความฝันของเด็กทั่วประเทศ เพราะการไม่มีหนี้จะเกิดความสุขกับผู้เรียนมาก หากมีหนี้ก็ให้ใช้หนี้เมื่อมีความพร้อม หรือขยายเวลาจ่ายหนี้ออกไป”

“ในอนาคต ประเทศของเรามีอัตราการเกิดน้อย มีเด็กมาเรียนน้อย เราก็ต้องส่งเสริมให้ครอบครัวมีลูกเยอะ เพราะเป็นพลังของประเทศที่จะต้องมีคุณภาพ โดยการมีรัฐสวัสดิการเรียนฟรี”

“อีกเรื่องที่พรรคประชาชาติจะทำ ก็คือเบี้ยบำนาญคนละ 3,000 บาท จะเป็นคนยากไร้ คนจนหรือไม่ เราให้เท่ากัน เมื่อพรรคประชาชาตินำเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการเบี้ยบำนาญ พรรคอื่นๆ ก็เห็นด้วย จะเห็นได้ว่าการทำรัฐสวัสดิการจะไม่ทำให้ประชาชนตาย แต่เมื่อรัฐทำให้ประชาชนอด ประเทศชาติจะตาย”

ด้าน นางอ้อยใจ กล่าวพร้อมกับผู้ได้รับผลกระทบอีกหลายคนว่า “พวกเรารักท่านทวี ท่านทวีอยู่ในใจพวกเราตลอด ไม่เคยลืมเงินเยียวยาที่ท่านเคยช่วย หัวใจพวกเราไม่ไปไหนแล้ว มอบให้ท่านทวีตลอดไป”

ทีมข่าว@ชายแดนใต้