รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะฯและ สส.ชายแดนใต้ เยือนมาเลเซีย หารือ รมว.6 กระทรวงฯ ถกปัญหาและร่วมแก้ปัญหา.. คนไทยในมาเลฯ ดีใจสุดซึ้ง !! (มีคลิป)

0
1003

เมื่อวันที่ 31 กค.ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย และที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา สส.บัญชีรายชื่อ จ.ปัตตานี นายอับดุลบาซิม อาบู สส.เขต.ปัตตานี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย และผู้สมัคร สส.เขตในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อพบปะคณะรัฐมนตรีหลายกระทรวงของประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือแนวทางการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว กีฬา รวมไปถึงพบปะพี่น้องประชาชนคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซีย การเดินทางไปศึกษา รวมไปถึงคนไทยที่ประกอบอาชีพเปิดร้านอาหาร ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยังคงประสบปัญหาในด้านต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลไทย กระทรวงฯที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการแก้ปัญหาร่วมกันของทั้งสองประเทศ เพื่อให้คนไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซียได้อยู่อย่างถูกต้อง 

ซึ่งการเดินทางของคณะรัฐมนตรีไทย โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งนี้ ถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่ง เพื่อความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศเพื่อนำพาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และประชาชนทั้งสองชาติได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และอาจจะ ส่งผลให้แนวชายแดนทั้งสองประเทศ เศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวมีความคึกคักยิ่งขึ้น

การเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียครั้งนี้ ย่อมมีภารกิจสำคัญโดยเฉพาะ ได้พบปะและพูดคุยหารือกับรัฐมนตรีหลายกระทรวง โดยมีการสรุปการประชุมและหารือจากการเยือนประเทศมาเลเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและคณะ ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2565 สถานที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะการหารือกับผู้ประกอบการไทยในมาเลเซียนั้น

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้พบปะกับผู้ประกอบการไทยในมาเลเซียกว่า 400 คน  โรงแรมแกรนด์บารอกัต ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 โดยมีผู้ประกอบการจากธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจสปาความงาม กลุ่มพนักงานบริษัทข้ามชาติ รวมถึงตัวแทนนักศึกษาไทยในมาเลเซีย เข้าร่วมด้วย

นายโยฮารี อะห์มัด ตัวแทนผู้ประกอบการไทยในมาเลเซีย ในประธานกลุ่มอุกวะห์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการต้มยำในประเทศมาเลเซีย ได้กล่าวให้การต้อนรับในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการไทยในมาเลเซียในหลากหลายสาขาวิชาชีพกว่า 400 คน นายโยฮารี กล่าวว่าแรงงานไทยในมาเลเซียหลายคนใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เพราะใบอนุญาตทำงานหมดอายุและการต่ออายุวีซ่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายจึงอยากให้ทางรัฐมนตรีและคณะได้นำปัญหาดังกล่าวไปหารือกับทางรัฐบาลไทยและมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหา

ทางด้านตัวแทนจากกลุ่มผู้ประกอบการสปาไทยในประเทศมาเลเซีย ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าสปาไทยในประเทศมาเลเซียได้รับความนิยมมาก และที่สำคัญมีคนไทยสนใจเข้ามาทำงานในภาคส่วนนี้เยอะ อย่างไรก็ตามปัญหาที่สำคัญคือเรื่องโควต้าวีซ่าเข้ามาทำงานที่มีอย่างจำกัดและมีค่าใช้จ่ายที่แพง ทำให้ไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ เพราะหลายคนอยากเข้ามาทำงานด้วยเอกสารที่ถูกต้อง

ในส่วนของตัวแทนนักศึกษาไทยในมาเลเซียที่ปัจจุบันมีอยู่ 254 คน ใน 24 มหาวิทยาลัยทั่วทั้งมาเลเซีย ได้ร้องขอให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนการจัดกีฬาประเพณีประจำปี และอีกประเด็นที่สำคัญคือกระบวนการทำวีซ่านักศึกษาของประเทศมาเลเซียที่ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน ทำให้เกิดเหตุการณ์อยู่เกินกำหนดของวีซ่าหรือไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะพาสปอร์ตอยู่ในกระบวนการทำวีซ่า

ท้ายสุดตัวแทนพนักงานบริษัทข้ามชาติในมาเลเซีย ได้เปิดเผยว่าหลายบริษัทข้ามชาติมีสำนักงานภูมิภาคในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และต้องการคนที่พูดภาษาไทยเพื่อสนับสนุนบริษัทที่มีลูกค้าอยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันมีพนักงานบริษัทเหล่านี้ชาวไทยอยู่ราว 500-600 คน และหากเป็นคนสามจังหวัดจะมีข้อได้เปรียบสำคัญคือการพูดภาษามลายูเป็นทุนเดิมจึงทำให้ปรับตัวเข้ากับสังคมมาเลเซียได้ง่าย จึงอยากหาโอกาสเชื้อเชิญคนสามจังหวัดเข้ามาทำงานมากขึ้นเพราะรายได้ค่อนข้างดี และสิ่งที่อยากทำในอนาคตคือการก่อตั้งสมาคมเพื่อให้เกิดการรวมตัวกันและหาหนทางช่วยเหลือผู้คนที่เป็นพนักงานบริษัทข้ามชาติในมาเลเซียและเปิดโอกาสให้คนไทยที่มีต่อไป

ขณะที่ผลสรุปการประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬาของมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ 

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม  H.E. Mr. Ahmad Faizal รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬาของมาเลเซียได้ให้การต้อนรับ นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยพร้อมคณะ ในโอกาสที่ได้มาเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย

จากการหารือทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะขยายความร่วมมือทางด้านการกีฬาร่วมกัน รวมถึงการยกระดับความร่วมมือไปสู่ระดับอาเซียน เพื่อต่อยอดให้การกีฬาสามารถเป็นกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนต่อไป โดย H.E.Mr. Ahmad Faizal ได้กล่าวต่อไปอีกว่า จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับมิตรประเทศในอาเซียนนั้น กลุ่มประชากรอาเซียนโดยส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูในการสื่อสาร ซึ่งเราควรใช้จุดนี้แสวงหาโอกาสในการทำงานกับประเทศต่างๆในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีผู้ใช้ภาษามลายูในสามจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆต่อการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับคนในภูมิภาคอาเซียน และความเป็นเลิศทางด้านการกีฬา สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศมีศักยภาพและสามารถร่วมมือกันผลักดันการทำงานในระดับภูมิภาคได้ นั้นสามารถดูได้จากการที่ประเทศไทยจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกระหว่างทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล หรือมาเลเซียเองที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง (ฟอมูล่าวันและนอกจากนี้แล้วทั้งสองประเทศต่างก็มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นอย่างดียิ่ง

ทางด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวตอบว่า ประเทศไทยเองมีความคิดที่จะเชิญประเทศในอาเซียนมาร่วมกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งจะเป็นการริเริ่มการสร้างหุ้นส่วนด้านการกีฬาในประเทศอาเซียน รวมทั้งยังสามารถต่อยอดในเรื่องอื่นๆได้ต่อไป  ส่วนทางด้านนโยบายนั้นประเทศไทยเองก็มีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการกีฬา โดยผ่านการจัดกีฬาประเภทต่างๆเช่น วิ่งเทรล หรือ การปั่นจักรยาน ซึ่งในประเด็นนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬามาเลเซีย เห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศสามารถทำงานร่วมกันได้ทันทีเพื่อส่งเสริมทั้งด้านการกีฬาและการท่องเที่ยว และเกี่ยวกับความคิดริเริ่มที่จะสร้างหุ้นส่วนด้านกีฬาในภูมิภาคอาเซียนนั้น สามารถจัดตั้งคณะกรรมการร่วมในระดับภูมิภาค โดยเริ่มจากการเสนอตัวจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก การแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ การแข่งขันฟุตบอลโลกในระดับเยาวชน จนกระทั่งการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

นอกจากนี้แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนและกีฬาของมาเลเซีย ซึ่งมีพื้นเพจากรัฐเปรักที่มีชายแดนติดกับประเทศไทยด้านจังหวัดยะลาและนราธิวาส ได้แสดงความเป็นห่วงต่อการอนุรักษ์สัตว์ป่า รวมถึงโอกาสที่ทั้งสองประเทศจะสามารถทำงานร่วมกันได้ในประเด็นนี้ โดยรัฐเปรักเองนั้นเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Royal Belum ซึ่งมีขนาดใหญ่และเป็นป่าผืนเดียวกับป่าผืนเดียวกับอุทยานแห่งชาติบางลางและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฮาลาบาล ที่ยังคงความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ การอนุรักษ์ผืนป่าแห่งนี้จึงมีความสำคัญต่อทั้งระบบนิเวศน์รวมทั้งต่อการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศอย่างมาก

จากนั้นคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ของไทยได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ นั้น

H.E. Mr. Saravanan Murugan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของมาเลเซียได้ให้การต้อนรับ นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยพร้อมคณะ ในโอกาสที่ได้มาเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของมาเลเซียกล่าวว่าประเทศมาเลเซียนั้นมีความจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศอินโดนีเซียและบังคลาเทศ สำหรับประเทศไทยนั้นมีแรงงานที่ลงทะเบียนในระบบทั้งหมดราว8,900 คน โดยที่ 4,000 คนทำงานอยู่ในภาคบริการ และ 3,000 คนอยู่ในภาคเกษตร กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของมาเลเซียมี MOU กับกระทรวงแรงงานของไทยโดยท่านรัฐมนตรีคาดหวังว่าจะมีคนไทยเข้าทำงานในมาเลเซียมากขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยยอมรับว่ามีแรงงานชาวไทยที่ทำงานในมาเลเซียแต่อยู่นอกระบบการลงทะเบียนอย่างถูกต้องเป็นจำนวนมาก และอยากหาหนทางให้ทุกคนได้เข้ามาในระบบอย่างถูกต้องให้มากที่สุด ขณะเดียวกันชาวมาเลเซียถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมากที่สุดนับตั้งแต่มีการผ่อนปรนเรื่องการเดินทางเข้าประเทศไทยเราจึงอยากให้ความมั่นใจว่าทุกคนจะได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยในช่วงการเดินทาง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ของมาเลเซียได้บอกเล่าเพิ่มเติมว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีแรงงานไทยลักลอบเข้ามาทำงานในมาเลเซียเพราะการมีชายแดนติดต่อกันที่ค่อนข้างเป็นมิตรขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าออกระหว่างไทยและมาเลเซียค่อนข้างถูกหากเทียบกับแรงงานจากประเทศอื่น อีกประเด็นที่ท้าทายคือการที่ผู้ว่าจ้างชอบแรงงานนอกระบบเพราะง่ายต่อการขูดรีดค่าแรงหรือลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ โดยรัฐมนตรีมีแนวคิดที่อยากจัดระบบการจัดการแบบดูไบที่ให้แรงงานอาศัยอยู่ในศูนย์แรงงานในจุดเดียว เพราะคนที่จะเข้าไปอยู่ในศูนย์นั้นได้จะต้องเข้ามาอย่างถูกต้อง

ในส่วนของปัญหาแรงงานนอกระบบที่กำลังประสบอยู่คือการที่นายจ้างไม่จัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมและแรงงานไม่ได้ค่าจ้าง ทางการมาเลเซียอยากแก้ปัญหานี้เพื่อทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี ในส่วนของประเทศมาเลเซียนั้นได้จัดทำ Application ให้แรงงานสามารถร้องเรียนปัญหาที่ประสบพบเจอ โดยทางการมาเลเซียจะพยายามแก้ปัญหาให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์นับแต่วันรับเรื่อง และมีภาษาให้แรงงานได้เลือกร้องเรียนในหลายภาษาเพราะรู้ว่าข้อจำกัดสำคัญสำหรับแรงงานหลายคนคือการไม่รู้ภาษามาเลย์ทำให้ไม่สามารถร้องเรียนปัญหาได้ และหวังว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแรงงานจะดีขึ้นภายใน 5 ปีนับจากนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ยังได้เปิดเผยอีกว่าปัญหาที่สัมพันธ์โดยตรงกับแรงงานนอกระบบคือการค้ามนุษย์ หลายคนเข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยวและลักลอบเข้ามาค้าประเวณีในรูปแบบของบริการสปา ซึ่งรัฐมนตรีของมาเลเซียแนะนำว่าทั้งสองประเทศจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ลดปัญหานี้ให้ได้มากที่สุด และตรวจสอบกับบริษัทตัวแทนแรงงานเพื่อให้เกิดการเจ้ามาทำงานอย่างถูกต้อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยรับปากว่าจะส่งเรื่องต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย และเรียนเชิญรัฐมนตรีของมาเลเซียมาเที่ยวเมืองไทย ทั้งนี้แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนาซึ่งเดินทางไปร่วมด้วยนั้นได้เรียนเชิญให้ทางรัฐมนตรีมาเยี่ยมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานีที่กำลังพัฒนาการทำสปาฮาลาลด้วยเช่นกัน

จากนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางไปร่วมประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ

วันที่ 1 สิงหาคม  H.E. Mr. Hamzah Zainuddin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียได้ให้การต้อนรับ นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยพร้อมคณะ ในโอกาสที่ได้มาเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย

ประเด็นสำคัญในการหารือคือการเข้ามาทำงานของแรงงานไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาเลเซีย โดยนายพิพัฒน์ได้กล่าวว่ามีความปรารถนาอยากให้แรงงานไทยเข้าสู่ระบบการทำงานที่ถูกต้องทั้งหมดและเชื้อเชิญให้แรงงานนอกระบบรีบไปรายงานตัวกับสถานเอกอัคราชฑูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความล่าช้าของการต่อวีซ่านักเรียนซึ่งได้รับร้องเรียนโดยตรงจากนักศึกษาไทยในมาเลเซีย

ซึ่งรัฐมนตรีมหาดไทยของมาเลเซียได้ตอบกลับว่าเป็นเรื่องที่ดีหากให้แรงงานทุกคนเข้ามาอยู่ในระบบกฎหมายอย่างถูกต้องเพราะหากมีการถูกจับจะทำให้เข้าประเทศมาเลเซียไม่ได้อีกต่อไป ทั้งนี้ประเทศมาเลเซียมีแรงงานต่างชาติในประเทศถึง 3 ล้านคน โดยที่แรงงานไทยซึ่งอยู่นอกระบบนั้นส่วนใหญ่จะทำงานในสองภาคส่วนคือ ประมงและร้านอาหาร

ทางด้านของการต่อวีซ่านักศึกษานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียอธิบายว่าปกตินักเรียนที่สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในมาเลเซียนั้นจะยื่นเรื่องผ่านกระทรวงศึกษาธิการซึ่งจะให้วีซ่าครอบคลุมจำนวนปีการศึกษา แต่กรณีการต่อวีซ่านั้นจะเกิดขึ้นกับนักศึกษาที่อยากเรียนต่อปริญญาโทหรือปริญญาเอก โดยทางการมาเลเซียจะอนุโลมให้อยู่ต่อได้หกเดือน อย่างไรก็ตามมาเลเซียมีนโยบายที่จะต่อวีซ่านักศึกษาที่จะเรียนต่อเฉพาะในกรณีที่ได้รับจดหมายยืนยันจากมหาวิทยาลัยแล้วเท่านั้นเพราะเคยมีกรณีที่นักศึกษาขอต่อวีซ่าโดยที่ยังไม่ได้รับจดหมายยืนยันแต่ปรากฎว่าได้พาสมาชิกครอบครัวเข้ามาประกอบกิจการร้านอาหารโดยไม่ถูกต้อง จึงทำให้ทางการต้องออกนโยบายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซียยอมรับว่าชื่นชอบการจัดการท่องเที่ยวของประเทศไทยมาก โดยเปรียบเทียบระหว่างเกาะลังกาวีของมาเลเซียกับเกาะภูเก็ตของไทยซึ่งมีมาตรฐานการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันมาก โดยประเทศไทยนำหน้าในเรื่องการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน และเชื่อว่าการที่ประเทศไทยและซาอุดีอารเบียกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กันอีกครั้งจะยิ่งเป็นโอกาสแก่การท่องเที่ยวของประเทศไทย

อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นคนชื่นชอบการมาเยือนเมืองไทย รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซียได้ให้คำแนะนำว่าถึงการเพิ่มจำนวนร้านอาหารชั้นดีที่ได้รับการรับรองฮาลาลให้มากยิ่งขึ้นเพราะจะเป็นจุดขายให้กับนักท่องเที่ยวตลาดมุสลิมและมีกำลังซื้อสูงได้เป็นอย่างดี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยได้กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียพร้อมชี้แจงว่าขณะนี้ได้มีการเปิดศูนย์ฮาลาลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในสี่จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ และสงขลานอกจากนี้แล้วได้เตรียมพูดคุยกับมิชลินประเทศไทยเพื่อให้คำแนะนำในการยกระดับร้านอาหารมุสลิมให้มีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังได้เตรียมทำคู่มือเส้นทางอาหารมุสลิมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิมที่สนใจอีกด้วย

ต่อมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ

H.E. Mr. Khairy Jamaluddin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียได้ให้การต้อนรับ นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยพร้อมคณะ ในโอกาสที่ได้มาเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

รัฐมนตรีสาธารณสุขของมาเลเซียได้ชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับคุณอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทยในสามประเด็นคือ หนึ่งประเด็นเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว สองการท่องเที่ยวทางเชิงสุขภาพ(Medical Tourism) และสาม การใช้กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) โดยที่ในปลายเดือนสิงหาคมนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะเดินทางเยื่อนประเทศไทยและจะใช้โอกาสนี้ในการติดตามผลลัพธ์ในเชิงนโยบายหลังจากที่ประเทศไทยมีการผ่อนปรนให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียได้เปิดเผยว่าตนเองนั้นอยากเรียนรู้เรื่องพืชกระท่อมด้วย เพราะจะเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่มาเลเซียสามารถปลูกเพื่อส่งออกและนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ นอกจากนี้ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าตัวเขานั้นมีความสนใจอย่างมากในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชายแดนของทั้งสองประเทศเพราะจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยได้ตอบกลับว่าเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศเพราะจะเป็นการช่วยในด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

ในส่วนของการท่องเที่ยวทางเชิงสุขภาพนั้น นายพิพัฒน์ ได้กล่าวว่าการท่องเที่ยวทางการแพทย์ในไทยกำลังได้รับความนิยมและกำลังขยายพื้นที่เหล่านี้ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และสงขลา และยินดีหากจะมีการร่วมมือกับมาเลเซียในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวลักษณะนี้สำหรับทั้งสองประเทศ และในส่วนของพืชกระท่อมนั้น จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่ออาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนภายหลังการป่วยเป็นโควิด-19 (Post Covid Syndrome หรือ Long Covid) นั้นได้มีการใช้สารสกัดจากกระท่อมเข้ามาร่วมรักษาด้วย

ในส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาผลลัพธ์เชิงนโยบายของการปลดล็อกกัญชาเพื่อทางการแพทย์นั้น แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ได้หารือว่าหากมีโอกาสจะขอทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและได้เชิญให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเยี่ยมชมการทำงานของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีและภาคส่วนอื่นๆที่ได้ริเริ่มประเด็นกัญชาทางการแพทย์

ขณะที่ผลการสรุปการการประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและมัลติมีเดียของมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ

H.E. Mr. Annuar Musa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและมัลติมีเดียของมาเลเซียได้ให้การต้อนรับ นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยพร้อมคณะ ในโอกาสที่ได้มาเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารและมัลติมีเดียในฐานะกลันตันได้กล่าวว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาตนได้จัดแข่งขันชกมวยไทยที่รัฐกลันตันโดยมีคนดูทั้งสิ้นกว่า 5,000 คน และในประเด็นเรื่องการเสนอตัวจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกโดยประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียนนั้นจะถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการแสดงศักยภาพของชาติในอาเซียนรวมทั้งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

อีกหนึ่งประเด็นที่รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารได้กล่าวคือการฟื้นความสำคัญของคณะกรรมการชายแดนไทยมาเลเซีย เพื่อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยควรที่จะมีตัวแทนของกระทรวงต่างๆของทั้งสองประเทศอยู่ในคณะทำงานด้วย

นอกจากนี้ทางรัฐมนตรียังได้เล่าว่ารัฐกลันตันกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อกำลังมีการยกระดับเส้นทางรถไฟสายตะวันออก พร้อมทั้งขยายระบบถนน โดยที่เสนอว่าควรมีการเชื่อมต่อทางถนนบริเวณชายแดนอำเภอตากใบ ซี่งมีระยะทางใกล้กว่าอีกด้วย

/////