ผวจ.นราฯร่วมตำรวจทหารขยายผล จับเมียนม่า พบจ่ายค่าหัวส่งเล็ดลอดเข้าทำงานมาเลย์ ทราบรถต้นตอขนแรงงานแล้ว4คันเร่งไล่ลากคอมาดำเนินคดี

0
564

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 65 ที่ ห้องศูนย์ปฏิบัติการสืบสวน สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.ธวัชชัย ดุกสุขแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส น.อ.รัฐพล ลุนพล รอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายใน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนม่า จำนวน 89 คน ที่อาศัยกลบดานอยู่ที่บ้านเช่า 2 หลัง เลขที่ 331/12 และเลขที่ 324 ซอยทรายทอง ม.1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ เพื่อรอโอกาสแอบเล็ดลอดเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย ที่เจ้าหน้าที่จับกุมเอาไว้ได้เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฏหมาย
ล่าสุด พ.ต.อ.ธวัชชัย ดุกสุขแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่จะทยอยเรียกเจ้าของบ้านเช่าหรือผู้เช่าบ้านทั้ง 2 หลังมาให้ปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นกับเครือข่ายบุคคลต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่ เพื่อเตรียมที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียหรือไม่ ส่วนกรณีรถยนต์กระบะที่มีตู้ทึบที่ใช้เป็นพาหนะในการขนย้ายบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 คัน ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเอาไว้ได้นั้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบเบาะแสแล้วจำนวน 4 คัน ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปติดตาม เพื่อนำรถยนต์กระบะที่ขนบุคคลต่างด้าวและคนขับมาให้ปากคำแล้วเช่นกัน
“ ในส่วนของบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนม่า จากการสอบสวนปากคำเบื้องต้น พบว่าได้แอบเดินทางมาจาก อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยแต่ละคนต้องเสียเงินค่านายหน้าเดินทางมายัง จ.นราธิวาส หัวละ 50,000 ถึง 60,000 บาท ซึ่งทุกคนต้องเสียค่ามัดจำกึ่งหนึ่ง แล้วถูกนายหน้านำขึ้นรถยนต์กระบะตู้ทึบมาส่งที่บ้านเช่าก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม “ พ.ต.อ.ธวัชชัย รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าว
ด้าน พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้เปิดเผยว่า หลังทราบว่าประเทศมาเลเซียเริ่มนำร่องในการเปิดประเทศ กลุ่มเครือข่ายแรงงานต่างด้าวเริ่มเคลื่อนไหว เพื่อที่จะแอบเล็ดรอดเข้าประเทศมาเลเซีย โดยใช้พื้นที่ช่องทางธรรมชาติฝั่ง จ.นราธิวาส เป็นเส้นทางข้าม จึงได้มีการสั่งการเข้มไปยังเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมและป้องกันแนวชายแดนทั้ง 3 อำเภอ คือ ตากใบ สุไหงโก-ลกและแว้ง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราบุคคล และห้ามมิให้ใช้ช่องทางธรรมชาติในการเดินทางข้ามไปมาระหว่าง 2 ฟากฝั่ง ซึ่งเชื่อว่าอย่างน้อยสามารถที่จะยับยั้งไม่ให้บุคคลต่างด้าวใช้พื้นที่แนวชายแดนด้าน จ.นราธิวาส ข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน/ทีมข่าว@ชายแดนใต้