เมื่อเวลา14.30น.วันนี้(2มี.ค.65) ที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่9นายวิวัฒน์ เขาสกุลรองอธิบดีกรมสรรพสามิต รักษาการที่ ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต ภายใต้การการอำนวยการของ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรสามิต ร่วมกับนายมเหสักข์พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือDSI นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจ.สงขลา และนายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่9
ร่วมกันแถลงข่าวการกวาดล้างและจับกุมบุหรี่ สุราหนีภาษีและสินค้าหนีภาษีที่ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยมิได้เสียภาษีและมิได้ผ่านพิธีทางศุลกากร รายใหญ่และครั้งใหญ่ที่สุดในพื้นที่ จ.สงขลา ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของสำนักงานสรรพสามิตภาคที่9
สามารถยึดของกลางรวมประมาณการค่าปรับสูงถึง 560,450,000 ล้านบาท แยกเป็นบุหรี่ต่างประเทศ 851,460 ซอง คิดเป็นมูลค่าภาษีประมาณ50ล้านบาท และคิดเป็นประมาณการค่าปรับประมาณ 500 ล้านบาท,สุราต่างประเทศ จำนวน 3,296 ขวดมูลค่าภาษีประมาณ9 แสนบาท ค่าปรับ 9 ล้านบาท,ไพ่ป๊อก 3,168 สำรับ มูลค่าภาษีประมาณ5 หมื่นบาทและค่าปรับ 5 แสนบาท
หลังจากที่เมื่อวานนี้(1มี.ค.)เจ้าหน้าที่สรรพสามิตภาคที่9นำโดยว่าที่ร้อยตรียงยุทธภูมิประเทศ ผอ.สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุผอ.สำนักงานสรรพสามิตภาคที่9 และนายกฤษภาส ศิริปิตุภูมิ สรรพสามิตพื้นที่สงขลาสนธิกำลังกับDSI เจ้าหน้าที่ศุลกากร ตำรวจกองปราบกองกำกับการ6 ตำรวจสภ.หาดใหญ่ ฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่และฝ่ายปกครองอำเภอบางกล่ำ ปูพรมเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์และโกดังที่ใช้เก็บสินค้าผิดกฏหมายจำนวน3แห่งใน2อำเภอของจ.สงขลา
ทั้งย่านบางหัก เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ย่านขุมทอง ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ และพื้นที่บ้านโคกเมา ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ และพบของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่เตรียมกระจายออกจำหน่ายตามท้องตลาด และเป็นการกวาด
นายวิวัฒน์ เขาสกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต รักษาการที่ ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจะเร่งปราบปรามกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีทุกประเภทเช่นบุหรี่และสุรา ทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ รวมถึงร้านค้าที่รับสินค้ามาจำหน่ายปะปนกับสินค้าอื่นและกรณีการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าเพื่อไม่ให้กระทบการผู้ค้าในประเทศ และจะดำเนินการทั่วประเทศ
นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือDSI เปิดเผยว่า การจับกุมสินค้าหนีภาษีครั้งนี้เป็นเคสใหญ่ในพื้นที่จ.สงขลาและในภาคใต้ โดยในส่วนของกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ในภาคใต้นั้นเจ้าหน้าที่มีข้อมูลหมดแล้วและจะขยายผลติดตามจับกุมต่อไป และจะดำเนินคดี.
ทีมข่าว @ชายแดนใต้ จ.สงขลา
