ข่าวดี ! รมว.สาธารณสุข สนับสนุบงบจัดกิจกรรม “สุนัตหมู่ 3 จชต.” ฟรี..ปัตตานี จัด 29-30 มี.ค.

0
804

เด็กและเยาวชนมุสลิมในภาคใต้ มักจะทำสุนัตกับหมอบ้าน หรือ “โต๊ะมูเด็ง” เป็นเพราะความเชื่อและประเพณีของชุมชน โดยผู้ปกครองเด็กเชื่อว่า “การทำสุนัตกับแพทย์จะทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งแรง” “การทำกับโต๊ะมูเต็งเป็นประเพณีที่คนเฒ่าคนแก่เคยทำกัน” เป็นต้น ซึ่งพบว่า การทำสุนัตกับโต๊ะมูเด็งมักจะมีเหตุการณ์เลือดออกมาก ทำให้เกิดภาวะช็อค หรือการติดเชื้อ เช่น ติดเชื้อตับอักเสบ เชื้อ HIV จากการใช้เครื่องมือร่วมกันโดยไม่ได้ล้างทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

โครงการสุนัตหมู่จึงเกิดขึ้นเพื่อการเข้าถึงการบริการทำขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเทศชายแก่เด็กและเยาวชนมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ลดภาวะเสี่ยงการติดเชื้อ และภาวะออกเลือดมาก ให้ผู้ปกครองและคนในพื้นที่มีความตระหนัก ความเข้าใจ ในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคติดเชื้อ

..เพชรดาว โต๊ะมีนา ..แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงโครงการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายในเยาวชนมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือโครงการสุนัตหมู่ ปี 2565 ว่า โครงการนี้มีการทำมาทุกปีในพื้นที่ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดในสองปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำสุนัตหมู่ มีเพียงการทำสุนัตปกติของแต่ละพื้นที่

หลังจากนั้น รมว.สาธารณสุขได้ถามถึงความจำเป็นในการทำสุนัตว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน บอกท่านว่าเพราะเด็กยากจนและด้อยโอกาสยังไม่สามารถเข้าถึงด้วยมีค่าใช้จ่าย สมาคมจันทร์เสี้ยวและการแพทย์ที่ปกติเคยทำเรื่องนี้ เมื่อมีโควิดก็หยุดไป จึงเรียนท่านอีกครั้ง ท่านบอกว่าจัดไปเลย ให้โควตา 3 จังหวัด(ยะลา นราธิวาส ปัตตานีจังหวัดละ 500 คน รวม 1,500 คน ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการทำสุนัตนั้น รายละ1,200 บาท รวม 1.8 ล้านบาท

สำหรับใน อ.เมือง .ปัตตานี ทำที่รพ.ปัตตานี จำนวน 200 คน โดย นพ.รุซตา สาและแพทย์ศัลยกรรม บอกว่าทำสุนัตเป็นปกติอยู่แล้ว ให้เชื่อมั่นได้เพราะทำในห้องผ่าตัด มีความเข้มงวดเรื่องมาตรการปกป้องโควิด ส่วนในอำเภออื่นๆ ต้องประสานผอ.รพ.แต่ละอำเภอว่ามีความพร้อมมากน้อยขนาดไหน ตอนนี้รพ.ปัตตานี เปิดลงทะเบียนรับสมัครแล้ว จะทำในวันที่ 29-30 มีนาคมนี้ เพื่อจัดเตรียมห้องผ่าตัด จัดคิวจัดบุคลากรเตรียมพร้อม ในสถานการณ์เช่นนี้การทำสุนัตหมู่ที่โรงพยาบาลปลอดภัยที่สุด ส่วนที่ผ่านมาที่เคยทำที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนั้นก็จะทำในปีต่อไป ขอขอบคุณท่านรมว.สำหรับการสนับสนุนในโครงการนี้ ท่านมิใช่มุสลิม แต่เมื่อมีเรื่องของสามจังหวัด ท่านไม่เคยปฏิเสธ บอกว่ามีอะไรให้บอกได้เลย เพื่อน้องๆ ที่ด้อยโอกาสในบ้านเราได้รับการสนับสนุนในทุกโอกาส

การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นแนวปฏิบัติของมุสลิมเพื่อการรักษาความสะอาด รวมทั้งช่วยป้องกันและลดปัญหาการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคซิฟิลิสโรคมะเร็ง โรคมะเร็งปากมดลูกของฝ่ายหญิงและยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อHIV หรือโรคเอดส์ได้กว่าร้อยละ 50-60

การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือ “คิตาน” ในภาษาอาหรับ” หรือ “ทำสุนัต” ที่ใช้ในภาษามลายู มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ลดอัตราการเกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในเด็กเล็ก ลดอัตราการเกิดมะเร็งองคชาติ ลตอัตราการเกิดมะเร็ง 1 ต่อ100,000 ลดอัตราการติดเชื้อทางระบบสืบพันธุ์ [SEXUAL TRANSMITTED DISEASE) บางชนิด เนื่องจากลดผิวหนังด้านในที่จะรับเชื้อ ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับหนังทุ้มปลายเชิงภาวะพาราไพโมชิส ป้องกันภาวะหนังหุ้มปลายตีบต้น ง่ายต่อการทำความสะอาดอวัยวะเพศ ลดอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง การขลิบช่วยลดอัตราการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงนายแพทย์โรเบิร์ต บอลลิงเจอร์และคณะ ได้ทำการศึกษาในกลุ่มนักศึกษาในประเทศอินเดียซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่นิยมขลิบหนังทุ้มปลายอวัยวะเพศกันเท่าใดนัก และพบว่า2,298 ชาย ที่อยู่ในกลุ่มศึกษาล้วนแต่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ระหว่างโกโนเรียกับซิฟิลิส วารสาร New England Journal of Medicine ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือได้ฉบับที่ 336 เลขที่ 15 หน้า 1072-1088 โดย ดร.ราเชล เอรอย ผู้เชี่ยวชาญแผนกโรคติดต่อของมหาวิทยาลัยนอร์ท คาโลไรน่า ได้กล่าวว่า การขลิบปลายอวัยวะเพศแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเอดส์อย่างได้ผล ทั้งนี้อาจจะเนื่องจาก ลางเกอร์ฮานเซลล์ (Langerhan Cells) ซึ่งเป็นเซลล์ที่พบอยู่บริเวณหนังหุ้มปลายนั้นเป็นเชลล์ที่ติดเชื้อเอตส์ได้ง่ายตายมากจากการสำรวจพบว่าเอดล์ ในผู้ที่มีหนังหุ้มปลายจะสูงกว่าผู้ไม่มีหนังหุ้มปลาย ประมาณ 1.7-8.2 เท่า และอัตราการติดเชื้อขอการแพร่กระจายของหนังหุ้มปลายอยู่จะสูงกว่าผู้ไม่มีหนังหุ้มปลาย ถึง 8 เท่านอกจากนี้ หญิงที่มีสามีเป็นชายที่ได้ชขริบปลายแล้วจะมีอัตราการติดเชื้อเอดส์ต่ำกว่าหญิงที่มีสามีที่มิได้ขริบปลาย

คณะแพทย์สเปนได้ศึกษา ใน 5 ประเทศ 3 ทวีป ซึ่งพบว่าผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศมีเชื้อ HPV เกือบ 20 % แต่คนที่ขลิบปลายอวัยวะเพศมีไม่ถึง 6 96 สำหรับผู้หญิงนั้นโอกาสที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูกจะลดลง 589 หากคู่นอนขลิบปลายอวัยวะเพศแล้ว แม้ว่าผู้ชายคนดังกล่าวมีประวัติว่าผ่านคู่นอนมาหลายคนก็ตาม กรณีนี้จึงมีการคำนวณกันว่าถ้าหากมีผู้ชายชสิบอวัยวะเพศในโลกประมาณ 25% ก็จะช่วยลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้23-40% ขณะเดียวกันก็จะลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศชายได้ ลดการติดเชื้อHPV และอื่นๆ ลงได้อีกด้วย

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร นายแพทย์ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรคกล่าวในงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ที่จัดขึ้น  อิมแพ็คเมืองทองธานี เปิดเผยถึงวิจัยที่ทำร่วมกับสหรัฐอเมริกา พบการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อHIV ได้ร้อยละ 50-60 เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้ จะมีต่อมซึ่งจะสร้างสารที่เรียกว่า smegma หรือขี้เปียก หากมีหนังหุ้มไม่สามารถออกล้างได้ จะทำให้สารดังกล่าวคั่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดกลิ่น การติดเชื้อ รวมเกิดมะเร็งที่องคชาติได้การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเทศชาย ผู้ขลิบจะลดโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส แผลริมอ่อน และลดความเสี่ยงของมะเร็งองคชาติ และถ้าหากขลิบในเด็กทารก ก็จะลดโอกาสเกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะในเด็กได้ด้วย ผู้หญิงที่เป็นคู่ของผู้ชายที่ขลิบจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจนำบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรม สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายทุกสิทธิ์การรักษา ได้ที่ ประชาสัมพันธ์ รพ.ปัตตานี โทร.073-711010, 073-711010 ต่อ 8530, 081-0952333 หลักฐานการสมัคร สำเนาบัตรประชาชนของเด็ก 1 ฉบับ สำเนาทะเบียนบ้านของเด็ก 1 ฉบับ