วังพิพิธภักดี​ อดีตล้ำค่าต้องจดจำ​ จากเรือนคหบดีชั้นEliet​ สู่บ้านชมรมมุสลิมมะห์เพื่อสาธารณะประโยชน์​

0
1508

ใครหลายๆคนที่เคยผ่านถนนที่บริเวณ​หอนาฬิกา​สายบุรี​ ย่อมต้องสะดุดตากับอาคารหลังหนึ่ง​เรือนสีขาวทั้งหลัง​ ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่น​ มีรูปทรงที่แปลกตา​ สวยงาม​  เรือนหลังนี้ผ่านกาลเวลามาแสนยาวนาน​​ ใครคือเจ้าของ? ทำไมจึงถูกเรียกว่าวังพิพิธภักดี​ แล้วใครบ้างเล่า​ ที่รู้ที่มาที่ไป​ของเรือนหลังนี้

แต่เดิมเรือนหลังนี้เป็นที่อยู่ของ พระพิพิธภักดี (ตนกูมุกดา อับดุลบุตร) ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของ พระพิพิธเสนามาตย์ เจ้าเมืองยะหริ่ง กับ ตนกูซง หลานสาวของ พระยาสุริยะสุนทรบวรภักดี เจ้าเมืองสายบุรี​ เมื่อสมัย​ 7​ หัวเมือง​

พระพิพิธภักดีได้มาหลงรัก ตนกูซง นั้น บิดาของพระพิพิธภักดี ไม่เห็นด้วยเพราะขณะนั้น เมืองยะหริ่งกับเมืองสายบุรีมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยต่อกันนัก

แต่พระพิพิธภักดีก็ไม่ยอมแพ้​ จนในที่สุด​ ท่านสามารถแต่งงานกับตนกูซงจนได้ ท่านจึงได้สร้างเรือนพิพิธภักดีหลังนี้​ เพื่อแยกเป็นเรือนหอส่วนตัว​ จนต่อมานานๆเข้า​ ด้วยที่ตั้งที่โดดเด่นสุดท้ายจึงถูกเรียกขนานนามว่าเป็นวังพิพิธภักดี​ วังอีกหลังหนึ่งของเมืองสายบุรี​ในที่สุด

เรือนหลังนี้ เป็นอาคารไม้ทรงปั้นหยา 2 ชั้น​ยกพื้นใต้ถุนไว้ใช้งานตามแบบฉบับวิถีชีวิตคนมลายู​ ช่างท้องถิ่นเป็นผู้สร้างโดยนำศิลปะแบบตะวันตกและศิลปะของท้องถิ่นมาผสมผสานกันคือ มีหน้ามุขแบบตะวันตกที่โดดเด่นสวยงาม บันไดหน้าทรงโค้ง​ ลูกกรงบันไดเป็นลายปูนปั้นรูปดอกไม้​ สวยงามมาก​ เป็นการออกแบบที่ลงตัว​
ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของวังพิพิธภักดี คือ ผนังกั้นห้องภายในอาคารเป็นผนังโค้งอิทธิพลศิลปะตะวันตก​ มีช่องลมเป็นลวดลาย พรรณพฤกษาอิทธิพลศิลปะชวา​และมลายู


จากเรือนคหบดีชั้นอีลีต​ ได้ถูกเปลี่ยนมือสู่อาคารทรงคุณค่า​สาธารณะ​ประโยชน์​ในมือของพลังสตรีมุสลิมมะห์

ปัจจุบันได้มีการดูแลตกแต่งวังหลังนี้ให้คงอยู่ในสภาพเดิม จึงเป็นสถาปัตยกรรม​อันทรงคุณค่า​อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี ที่คงความงดงามอย่างสมบูรณ์แบบในปัจจุบัน​ แต่กว่าจะเป็นวังพิพิธภักดีในวันนี้นั้น​ มันเคยถูกทิ้งร้างมานานมาเกือบ​ 40​ ปี​ เพราะทายาทเจ้าของเดิมได้ขายออกไปเปลี่ยนมือไปแล้ว​
ซึ่งต่อมา​”กลุ่มสตรีสายบุรี” คือผู้ที่จัดหาและระดมทุนทรัพย์เพื่อจ่ายหนี้ซื้อวังเก่าพิพิธภักดี ในวงเงิน 10.5 ล้านบาทจากเจ้าของคนไทยเชื้อสายจีน โดยหวังว่าต้องการอาคารของชมรมเพื่อจะจัดให้เป็นสถานที่สาธารณประโยชน์ ตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้อิสลาม เปิดให้องค์กรต่างๆได้จัดกิจกรรม พร้อมกับเป็นการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์​ให้กลับมาเป็นสมบัติของคนสายบุรีเช่มดั่งเดิม

 นางวราภรณ์ ภัทราธิกุล หรือกะรอฟีอะห์ แกนนำชมรมมุสลิมะห์สายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นแกนนำในการจัดหาทุนซื้อวังพิพิธภักดีนี้เล่าว่า เรือนหลังนี้ถูกทิ้งร้างมานาน จนกระทั่งเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้วมีคนเข้าไปจับจองและมีการออกโฉนดที่ดินในที่ตั้งของวัง ต่อมามีการซื้อขายเปลี่ยนเจ้าของไปหลายรุ่น ก่อนจะตกเป็นของคนไทยเชื้อสายจีนในอำเภอสายบุรี ต่อมา เจ้าของไม่ได้ใช้งาน​ จึงได้ประกาศขาย ทางชมรมมุสลิมะห์สายบุรีเห็นว่า วังพิพิธภักดีเป็นวังเก่าที่อยู่คู่เมืองสายบุรีมานาน หากนายทุนซื้อไปก็อาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือสภาพอาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ได้ชื่นชมอีกต่อไป และเนื่องจากถูกตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ประกอบกับทางชมรมต้องการหาสถานที่จัดกิจกรรม จึงตัดสินใจซื้อวังนี้เพื่อใช้จัดกิจกรรมและยังช่วยอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

ในที่สุดทางชมรมมุสลิมะห์สายบุรี ได้ติดต่อขอซื้อวังนี้มาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 ในราคา 10,500,000 บาท โดยใช้เงินยืมจากมัสยิดตะลุบัน อำเภอสายบุรี รวมทั้งยืมเงินซากาตของมัสยิด เงินสมาชิก เพื่อนพ้อง และ ชาวบ้านในตลาดสายบุรี รวมถึงคนนอกพื้นที่​ เป็นผลสำเร็จ ไม่ได้ใช้เงินกู้หนี้ยืมสิน​ แม้แต่บาทเดียว​ โดยทางชมรมได้ระดมจัดงาน​ จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง​ และด้วยความสามัคคี​การรวมกลุ่มอย่างแข็งขัน​ เป็นที่น่าเหลือเชื่อที่​ทางชมรมมุสลิมมะห์​ สามารถคืนเงินยืมทั้งหมด​ ได้ใช้ระยะเวลาเพียงแค่​ 4​ ปีเท่านั้น​

Areefeen hagi-hasan
นักออกแบบเครื่องประดับท้องถิ่น