ยะลา – 4 เทศบาล เข้มมาตรการลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็นของประชากร แก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด

0
451


 
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่เทศบาลนครยะลา 4 เทศบาล ในเขตเมือง ยะลา ร่วมแถลงข่าว ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่จังหวัดยะลาที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติจะเห็นว่าในเดือนกันยายนมีผู้ติดเชื้อในเขตเทศบาลนครยะลา จำนวน 928 คน เดือนตุลาคม 2,056 คน รวมยอดสะสมทั้งสิ้น 4,189 คน และจากข้อมูลสำนักสาธารณสุขอำเภอ ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อในเขตตำบลสะเตงนอก 2,291 คน ตำบลบุดี 801 คน และตำบลท่าสาป 540 คน ซึ่งจะเห็นว่าในแต่ละตำบลมียอดการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับข้อมูลจากโปรแกรมจับการเคลื่อนไหวระหว่างเมืองตั้งแต่วันที่ 4 – 17 ตุลาคม 2564 ชี้ให้เห็นว่าประชากรมีการเดินทางภายในตำบลสะเตง 76,869 คน คิดเป็น 76.2% ระหว่างสะเตง – สะเตงนอก 12,004 คน คิดเป็น 11.9% ระหว่างสะเตง – บุดี 1,815 คน คิดเป็น 1.8% และระหว่างสะเตง – ท่าสาป 2,320 คน คิดเป็น 2.3%   ด้วยเหตุนี้เทศบาลนครยะลาจึงร่วมกับ เทศบาลเมืองสะเตงนอก เทศบาลตำบลท่าสาป และเทศบาลตำบลบุดี เพื่อหาแนวทางการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยหลังจากได้ประชุมหารือกัน จึงได้ออก “มาตรการลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็นของประชากร”
 
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้กล่าวว่า ผู้บริหารเทศบาลทั้ง 4 แห่งมีความตระหนักและเข้าใจปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ โดยจะเห็นว่าตัวเลขการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น และติด 1 ใน 10 ของประเทศ ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา เพราะฉะนั้นทั้ง 4 เทศบาล จึงได้มีการหารือกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งมี 4 ประเด็น คือ 1. การมีวินัยและรับผิดชอบต่อสังคม 2. การเร่งตรวจ ATK 3. การเร่งฉีดวัคซีน 4. การทำศูนย์กักโรคชุมชน (CI : Community Isolation)
และนอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ อีกวิธีที่เราหวังว่าจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้ นั่นก็คือ “การลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็น” ซึ่งหลายๆ คนคงสงสัยว่าคืออะไร จึงขอให้คำนิยามสั้นๆ ว่า อะไรก็ตามที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตภาพ อันหมายถึง สิ่งที่ไม่มีจำเป็นในการดำเนินชีวิต ทั้งความไม่จำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม การศึกษา เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางต่าง ๆ เปิดอิสระแก่กัน จึงส่งผลให้การแก้ปัญหายังคงวนอยู่แบบเดิม สำหรับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว อาจจะกำหนดเงื่อนไขการเข้าเมือง ดังนี้

  1. แสดงผลตรวจเชื้อโควิด (ATK)
  2. แสดงผลการฉีดวัคซีน
  3. เหตุผลในการเดินทางเข้าเมืองยะลา
    อาจจะให้เวลาถึงหลัง 5 โมงเย็นค่อยปิดด่าน ทำสัก 2 สัปดาห์ เพื่อลดการเคลื่อนที่ของคน โดยในตอนนี้ทางเทศบาลฯ มีทีมจากส่วนกลางที่ประสานเข้ามาเพื่อจะลงพื้นที่ตรวจเชิงรุก รวมถึง อสม. ที่ผ่านการฝึกอบรม สามารถไล่ตรวจทุกบ้าน โดยใช้อุปกรณ์ที่เป็นชุด home use ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนอกจากจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ยังช่วยในเรื่องลดการก่อเหตุอาชญากรรมอีกด้วย
     
    ทางด้านนายเสรี เรืองกาญจน์ นายกเทศมนตรีเมืองสะเตงนอก – ในส่วนของสะเตงนอกนั้นมีรอยต่อกับสะเตงมากกว่า 40 กว่าซอย ซึ่งปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นคือการติดเชื้อมาจากข้างนอกแล้วนำเชื้อมาสู่คนในครอบครัว กลายเป็นคลัสเตอร์ครอบครัว จึงอยากให้ทุกคนมีความตระหนักมากขึ้น ให้ความร่วมกัน สำหรับมาตรการดังกล่าวทางเทศบาลมีความพร้อมที่จะร่วมกับเทศบาลนครยะลา โดยหลังจากวันนี้จะเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ และจะทำการประชาสัมพันธ์ว่าโซนไหน ซอยไหนปิด เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถวางแผนในการเดินทางได้อย่างคล่องตัวต่อไป
     
    ส่วนด้านนายมะสดี หะยีปิ นายกเทศมนตรีตำบลท่าสาป เทศบาลตำบลท่าสาปมีจุดเชื่อมต่อกับตำบล      สะเตงอยู่ 3 จุด คือ สะพานฮอนด้า สะพานเรือนจำ และสะพานยุโป ซึ่งเทศบาลพร้อมสนับสนุนมาตรการลดการเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ โดยจะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบถึงวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักและเข้าใจปัญหา ในท้ายที่สุดจะทำให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และนายมะซากี สาและ นายกเทศมนตรีตำบลบุดี – เทศบาลตำบลบุดีพร้อมสนับสนุนมาตรการที่เราได้มีมติร่วมกัน และจะจัดทีมลงประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจรวมทั้งขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ให้งดเดินทางเข้า-ออกที่ไม่จำเป็น และเชื่อว่าทุกคนจะให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การติดเชื้อลดลงได้  
    นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้กล่าวเสริมอีกว่า – สำหรับมาตรการนี้จะเริ่มในวันที่ 1 พฤศจิกายน มีกำหนด 14 วัน  ซึ่ง 14 วันที่เราดำเนินการนี้จะยังไม่เห็นผล แต่จะส่งผลในต้นธันวาคม ซึ่งจะทำให้ผู้คนสามารถเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่ได้อย่างสนุกสนาน แต่การจะถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ จำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกคน และอาจจะทำให้หลายๆ คนไม่สะดวกในการเดินทาง แต่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่าการสูญเสียความไม่สะดวกในวันนี้ อาจจะเทียบไม่ได้เลยกับการสูญเสียที่ผ่านมา และมันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องช่วยกัน
     มูกะตา หะไร ทีมข่าว@ชายแดนใต้ จ.ยะลา