สถานการณ์อุตสาหกรรมชาวประมง ทั่วประเทศ ยังคงประสบปัญหาอย่างสาหัสจากปัญหาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู)ของสหภาพยุโรปแลกกับการยกเลิกแบนสินค้าประม่งไทย ได้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานมาถึง5ปี แล้วสมาคมประมงได้เข้ายื่นผนังสือถึงรัฐบาล ต่อนายกรัฐมนตรีนับเป็นสิบๆครั้ง ทั้งมีปารประท้วง บ่อยครั้ง ล่าสุด พยายามดำเนินปารอย่างต่อเนื่อง เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลือเร่งด่วน และเสนอแนวทาง ลดผลกระทบจากชาวประมงผลายราย ที่ต้องเลิกกิจการให้สามารถพยุงตัวต่อไปได้
นางอันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ นายกสมาคมประมงจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ต่อสถานการณ์ ปัญหาของเศรษฐกิจการประมง ตั้งแต่กฎหมายiuu เข้ามาบังคับใช้ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นมา ก็ทำให้สถานการณ์ประมงซบเซามาหลายปีแล้ว มาถึงปี 64นี้ทุกอย่างเงียบลงอย่างมาก ต้องบอกว่าอาชีพที่ต่อเนื่องกับการทำประมง มีไม่น้อยกว่า 7 กลุ่มอาชีพ ตั้งแต่คนคัดปลา คนเรือ ตลาด แรงงาน อื่นๆ จึงทำให้บางรายต้องออกไปต้องหาอาชีพอื่นๆ รับจ้างต่างๆ ทำเพื่อเอาตัวรอดก่อน ทำให้ขาดแคลนแรงงาน เศรษฐกิจการประมงจึงรายได้ลดลง ซึ่งในจังหวัดปัตตานีที่ขึ้นกับการประมงเป็นหลักจึงเงียบเหงาตามไปด้วย
จากการที่เราเดือดร้อน ในด้านการประกอบอาชีพ มายาวนานนี้ รัฐบาลก็พยายามช่วยเหลือเยียวยา ช่วยรับซื้อนอกระบบบ้าง เพียงแต่ปริมาณการซื้อขายยังไม่เพียงพอกับจำนวนของชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดทั่วประเทศ และสำหรับในปัตตานีเองนั้นเราเดือดร้อนมากแล้ว ได้ทำเรื่องร้องเรียนขอไป หลังจากประสบปัญหาอย่างหนักจนผู้ประกอบการบางรายแทบจะอยู่ในพื้นที่ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนอาชีพกันเลย เราได้ขอให้ทางรัฐบาลช่วยรับซื้อเรือประมงไป โดย คณะพัฒนาท้องถิ่นชายแดนภาคใต้ (คพต.)ได้มีความเห็นแล้วว่าจะช่วยรับซื้อ จำนวน224 ล้านบาท ต้องดูว่า มติจะผ่านในวันที่.28 นี้ เราคาดหวังว่า จะมีผู้ใหญ่ของรัฐบาลช่วยเหลือเรา เพืี่อได้ประทังชีวิตกันต่อไป ซึ่งเรือเป็นทรัพย์สิน ที่พอจะทำเป็นต้นทุนไปประกอบอาชีพอื่นได้เอาไปหมุนเวียนทำทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ปํจจุบันนี้ ถ้าถามว่าการประมง ลดลงแค่ไหนอย่างไร คือสำหรับจังหวัดปัตตานี จากที่เรือประมงมีจำนวนกว่า 1,100 ลำ ขณะนี้เรามีเรือพาณิชย์ที่เดินเรือแจ้งเรือผ่านด่านเข้า-ออก อยู๋ที่ 300 กว่าลำเท่านั้น ก็ลดลงถึง70% เลยทีเดียว ซึ่งที่เหลือที่กำลังทำงานอยู่ 30% นี้ กำลังรออยู่ว่าจะมีแรงงานมาเพิ่มเติมเข้ามาอีกหรือไม่ ถ้าเพิ่มอีกสัก 40กว่า% ก็จะดีกว่านี้ แต่ถ้ายังอยู่สภาพนี้ แนวโน้มการประกอบอาชีพประมงอาจจะลดลงไปอีกจนเหลือ.20%ก็ได้ ถ้ามีการรับซื้อจากรัฐบาลจริง ก็จะมีทุนมาใช้หรือซ่อมแซมเรือบางส่วนที่นำปลับมาใช้ได้ ที่ยังขาด เอามาหมุนเวียนได้
สำหรับตัวเลขรายได้ที่ขาดหายไป 26,000 กว่าล้านต่อปี มาจากอาชีพที่เกี่ยวข้องกันเป็นทอดๆไป ตั้งแต่ใต้ก๋งเรือ คนเรือแรงงาน ภาคอื่นๆ ด้วย เราเป็นภาคอุตสาหกรรมเกษตรประมง ต้นน้ำ ก็ทำให้กระทบต่อๆกันกับผู้เกี่ยวข้องทั้งพ่อค้าแม่ค้า โรงงาน และอื่นๆรายได้หายกันไปหมด
ต่อเรื่องพรก.58 และแก้ไขเพิ่มเติมปี60 ที่อยากให้ทางรัฐบาลเร่งแก้ไขด่วน เราได้ร่างหนังสือเพิ่มเติมขึ้นไป เป็นความเห็นชาวอุตสาหกรรมประมงทั้งประเทศ ยืี่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ในการแก้ไข อยากให้่ผ่านครม.ไปได้ คือแก้ไขเร่งด่วนใน 4 มาตรา ซึ่งในนี้เป็นความผิดที่เล็กน้อย ไม่ได้ออกนอกประเทศ ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงมาก หากเปรียบเทียบกับค่าปรับ การลงโทษหนัก ซึ่งอาจทำให้สิ้นอาชีพ หรือล่มจมไปเลยทีเดียว ที่ขอให้แก้ไขแก้ไข ได้แก่มาตรา 39,81,114,และมาตร169
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ระหว่างนี้ไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนไหน เห็นว่ายังเงียบอยู่ อยากให้เร่งพิจารณา
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือเรื่องแรงงานเพราะว่าเราอยู่จังหวัดชายแดนล่างสุด แรงงานจึงขาดแคลนตลอด ค่อนข้างหายาก
จึงอยากให้รัฐช่วยเปิดโอกาสให้รับแรงงานต่างด้าวประเทศอื่นอีกด้วยนอกจาก3 ชาติ พม่า, ลาว, เขมร แล้ว ได้เวียดนามเหรือบังกลาเทศ และทำเอกสารประกอบการทำทะเบียนแรงงาน ครบทุกอย่าง เปิดความสะดวกในการรับแรงงานด้วย เพราะการรับแรงงานประมงนี้เป็นเรื่องเฉพาะทาง อยากให้เปิดเป็น3 ช่วงเพื่อให้ทันกับการดำเนินการที่ต้องใช้เวลา หากไม่ทันจะได้เลื่อนรอบต่อไป ให้ทัน
ไม่รวมปัญหาอื่นอีกเช่น แรงงานคนไทยฝืมือลดลง เพราะเรือน้อยงานน้อย ย้ายถิ่น ไปทำงานที่อื่นทงานอย่างอื่นเพราะอาชีพนี้รัฐบาลไม่สนับสนุน บางคนหันไปทำเรือเล็ก เพราะเบื่อกฎหมาย สถานการณ์ยิ่งทำให้ทะเลขายฝั่งเต็มไปด้วยเรือ และขยายพื้นที่ออกไปจนเกิดการกระทบกระทั่งกับเรือพาณิชย์ที่รัฐบาลกำหนดกรอบมากมาย เรื่องนี้ราชการ รัฐบาลไม่เคยกล้าพูดถึง สงสารทั้งเรือเล็ก เรือกลาง เรือใหญ่ เพราะการจัดการของภาครัฐไม่ได้จัดการบูรณาการ อย่างมีส่วนร่วมนี่แหละปัญหาจึงแก้ไม่ได้จนถึงวันนี้ และยังผูกปมไปเรื่อยๆ จาก
ประมงไทยที่เป็นผู้นำด้านประมงโลกบัดนี้กลับกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว น่าเศร้าจริงๆ
อีกเรื่องถ้าเป็นไปได้ อาจให้พื้นที่ทำกิน สามารถเข้าไปทำงาน รองรับ มีงานอย่างอื่นให้เขาได้ทำได้
เรื่องที่ฝากกับท่านจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ลงมาพบกับสมาคมชาวประมงเมื่อสัปดาหที่ผ่านมานี้ เราได้ฝากเรื่องให้แก้ไขเร่งด่วน ได้ประชุมคุยกัน.3 เรื่อง ได้แก่เรื้องรับซื้อเรือล้อตแรก101 ลำ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ศอ.บต.เป็นผู้ดำเนินการซึ่งไม่แน่ใจว่ามีติดขัดตรงไหนไม่ดวก มีปัญหา ส่วนต่อมาคือในเรื่องการแก้กฎหมายก็ขอให้ท่านได้ให้สส.ในพรรคช่วยกันผลักดันกฎหมายให้ผ่านไปโดยเร็วยิ่งขึ้นและเรื่องสุดท้ายคือขอที่ดินทำกินในการแก้กฎหมายบางอย่าง เราอยากให้ดูแลในบทลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด เราคาดหวังเป็นอย่างมาก ต่อการแก้ไขปัญหาครั้งนี้
เนื่องด้วยอุตสาหกรรมการประมงเป็นองค์กรที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เป็นรายได้หลักภาคหนึ่งด้วย ถือเป็นภาคเดียวกับการเกษตรด้วย และเป็นอาชีพที่รับความเสี่ยงด้วยตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่เคยขอการประกันรายได้ ไม่ได้ขอที่มากเกินไปไม่ทำผิดกฎหมาย เราพร้อมที่จะทำตามกฎหมายตามที่ องค์กรประมงดูแลกันอยู่แล้ว จึงขอให้เร่งแก้ไขปัญหาทั้งหมดอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พวกเราชาวอุตสาหกรรมประมงได้อยู่รอดกันต่อไป
สมาคมการประมงปัตตานี หวังเพียงว่าวันนี้จะมีผู้นำที่เข้ามาแก้ไขปัญหา ด้านอาชีพอุตสาหกรรมประมง ให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้คนมากมาย กล้าที่จะเปลี่ยน เพื่อเปลี่ยนแปลงให้อาชีพประมงกลับมามีศักดิ์มีศรีดั่งเช่นแต่ก่อน
สุกรี มะดากะกุล รายงาน