วันที่ 30 มิ.ย.64 ที่กองร้องตำรวจตระเวนชายแดนที่ 417 ต.ขุนทะเล อ.เมืองจ.สุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุทธิพงษ์คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพีระ กาญจนพงษ์ ผอ.ปปส.ภาค8 พ.ต.อ.กวินศักดิ์ พีรยศธนนนท์ รอง ผบก.ตชด.ภาค4 พ.ต.ท.วีรศักดิ์ คงเพชรผบ.ตชด.ที่ 434 (พัทลุง) นายเดชา ชโลธร หน.ส่วนอำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมยาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้า 1.4 ล้านเม็ดไอซ์ 7 กิโลกรัม รถกระบะ 1 คัน
พ.ต.อ.กวินศักดิ์ พีรยศธนนนท์ รอง ผบก.ตชด.ภาค4 กล่าวว่า ยาเสพติดล็อตนี้มาจาก จ.เชียงราย และมาพักของที่ จ.อยุทธยา ซึ่งจะมีปลายที่จ.นครศรีธรรมราช และจ.กระบี่ ทั้งนี้สืบเนื่องจากการขยายผลจากการจับกุมเครื่อข่ายในพื้นที่จ.กระบี่ สามารถจับกุมและตรวจยึดของกลางยาบ้าจำนวน 2.7 แสนเม็ด ชุดจับกุมได้ติดตามขยายผลจนถึงเมื่อวันที่29 มิย 64 เวลา 23.00 น.ชุดจับกุมได้ติดตามผู้ต้องหามาจากจ.ประจวบจึงได้ประสานพล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจตะเวนชายแดนรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจตะเวนชายแดนภาค 4 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วีรศักดิ์ ได้ติดตามเป้าหมายจนทราบว่า นายปอนด์ และนายโจ (นามสมมุติ) สองผู้ต้องหากำลังลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่เข้ามาในพื้นที่คาดว่าจะกระจายให้กับกลุ่มผู้ค้าในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ โดยใช้ยานพาหนะรถยนต์กระบะดีแม็กสี่ประตูสีขาวในการลำเลียง และกำลังจะเข้าพื้นที่จังหวัดชุมพร จึงได้ประสานนำกำลังกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 414 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ดักสกัดที่บริเวณ ด่านตรวจยานพาหนะจ.ชุมพร แต่เนื่องจากเป้าหมายได้ขับรถด้วยความเร็วสูง ชุดติดตามจึงได้ประสานไปยัง พันตำรวจโทอภิสิทธิ์ รอดน้อย ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่413 และ พ.ต.ท.จิรพันธ์ มณีรัตน์ สว.ทล.5 กก.ตร.ทล.2(สุราษฎร์ธานี) ได้ออกติดตามทันที ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 เขต อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี รถของผู้ต้องหาเกิดเสียหลักประสบอุบัติเหตุ ทำให้นายปอนด์และนายโจ ได้ทิ้งรถและอาศัยความมืดหลบหนีไปได้และเมื่อตรวจสอบที่บริเวณหลังกระบะรถของผู้ต้องหาพบถุงดำบรรทุกมาเต็มกระบะ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่า เปิดออกดูพบภายในยังมีกระเป๋าเป้ บรรจุยาบ้าห่อด้วยถุงสีดำจำนวน 14 ถุง และถุงดำบรรจุยาไอซ์จำนวน 1 ถุง จึงได้นำมาตรวจนับพบมียาบ้าจำนวน 1.4 ล้านเม็ด ยาไอซ์จำนวน 7 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 77 ล้านบาท
ซึ่งกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าวเคยถูกจับกุมในข้อหาจำหน่ายยาเพสติดและพึงออกมาจากเรือนจำหลังจากออกมาจึงได้ขนยาเสติพเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้และส่วนหนึ่งจะดำส่งไปยังประเทศมาเลเซียต่อไปและทำมาแล้วไม่น้อยกว่า 4-5 ครั้งๆละไม่น้อยกว่า 1 ล้านเม็ด
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้ร่วมประสานกับทางเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค8 ขยายผลเพื่อติดตามเส้นทางการเงินและผู้ที่ร่วมขบวนการเพื่อใช้ พรบ.ยึดทรัพย์ และติดตามจับกุมตัวสองคนร้ายที่หลบหนี และผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าว @ชายแดนใต้ จ.สุราษฎร์ธานี