เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 ส.ค. 62 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส เขต 4 นายกูเฮง ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคประชาชาติ นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ กรรมการบริหารพรรคประชาชาติ ได้รับมอบหมายจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางมายัง สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.อดิเรก พันธุ์ใย รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายปิยะพงษ์ ประสาททอง เจ้าหน้าที่เพจที่โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊ค ว่า พรรคประชาชาติ เป็นผู้บงการของระเบิดป่วนเมือง เพราะจ้างวานให้คนรุ่นใหม่ชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปวางระเบิดป่วนเมือง ซึ่งการโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 3ส.ค. 62 เวลา 07.05 น.
นอกจากนี้นายปิยะพงษ์ ประสาททอง ก็ยังโพส์ตข้อความดังกล่าวต่อในเวลา 07.29 น. ในวันเดียวกันนี้ แต่การโพส์ตข้อความในครั้งนี้ ได้นำโลโก้ของพรรคประชาชาติมาลงต่อท้ายข้อความ ซึ่งมีลักษณะจงใจเพื่อให้ผู้ที่ติดตามเฟสบุ๊คทราบว่าพรรคประชาชาติใช้โลโก้แบบนี้
ซึ่งการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายปิยะพงษ์ ประสาททอง ของนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส เขต 3 ในครั้งนี้ ได้มีการถ่ายเอกสารหน้าเฟสบุ๊คในกระดาษ เอ 4 ที่นายปิยะพงษ์ ได้นำไปโพส์ต จำนวน 4แผ่น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีในข้อหา หมิ่นประมาท และ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์
นอกจากนี้แล้ว นายทวีศักดิ์ ปิ กรรมการบริหารพรรคประชาชาติ และอดีต บก.สำนักสื่อวาร์ตานี ก็ได้ร่วมเดินทางเข้าแจ้งว่าเป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคประชาชาติ กรณีเฟสบุ๊ค ของนายอรุจ บันนาชินบัญชร ( Aruj Panachinbonchorn) ที่ได้โฟต์สข้อความเป็นเชิงวิเคราะห์ว่า นายทวีศักดิ์ ปิ มือบึ้มในคดีเก่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งโยงไปถึงกลุ่ม BRN และ Permas ซึ่งสร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความในครั้งนี้ด้วย ในข้อหาหมิ่นประมาท และ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยนายทวีศักดิ์ ได้นำหลักฐานถ่ายเอกสารในกระดาษ เอ 4 ที่นายอรุจ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊ค จำนวน 5 แผ่น เข้าแจ้งความ
และหลังจากที่นายกมลศักดิ์ สส.นราธิวาส เขต 3 พรรคประชาชาติ ได้เข้าแจ้งความแล้วเสร็จจึงเปิดเผยว่า ผมไม่ทราบว่าเขาเจตนาอะไรหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้จับกลุ่มตัวชาวบ้าน 2 ราย ในพื้นที่ อ.รือเสาะ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดป่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างความเสียหายต่อพรรคประชาชาติ ที่เรามีนโยบายในการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการสันติภาพ ยกเลิกกฏหมายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่เป็นต้นเหตุออก ทั้งกฎอัยการศึกและ พรบ.ฉุกเฉิน ในฐานะที่ตนเป็น สส.ในพื้นที่ เด็กทั้ง 2 ราย ขอให้อย่าไปชี้ช่องกว่าพยานหลักฐาน ให้ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน และเร่งให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนให้เหตุการณ์ดังกล่าวคลี่คลายโดยเร็ว เพื่อเป็นการปลดล็อกมุมมองพรรคประชาชาติในแง่ลบ
ภาพ/ข่าว.ณรงค์ นวลสกุล ทีมข่าว@ชายแดนใต้ จ.นราธิวาส
