จากกรณีได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญ คนร้ายได้ลอบวางระเบิดบริเวณตลาดนัดบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 22 รายเหตุเกิดเมื่อ 27 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดกระแสต่อต้านจากสังคมอย่างกว้างขวาง ภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.รมน.ภาค4 ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อนำคนร้ายมาลงโทษและเรียก
ความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับคืนมาโดยเร็วล่าสุด พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผยว่า ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถทราบกลุ่มคนร้าย ยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ และสถานที่จัดประชุมวางแผนรวมทั้งเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนการก่อเหตุ โดยล่าสุดสามารถควบคุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุได้แล้ว 3 คน และ รถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุ 2 คัน เริ่มจากเมื่อ 9 มิ.ย. 2562 เวลา 08.47 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอาชิ มีนา ที่อยู่ 47/5 หมู่ 4 ต.มะกรูด อ.โคกโพธ์ จ.ปัตตานี พร้อมจยย. ที่ใช้ก่อเหตุ 1 คัน โดยได้ให้การรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุจริงโดยทำหน้าที่เป็นคนขับรถ จยย.ไปรับคนขับรถระเบิดที่ตลาดบ่อทอง และสามารถยืนยันตัวบุคคลที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้อีก 2 คน คือ นายอับดุลกอเดร์ สะตาปอ ที่อยู่ 43/1 หมู่ 7 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธ์ จ.ปัตตานี ทำหน้าที่ขับรถระเบิด(หลบหนี กำลังติดตามจับกุม) และนายอับดุลรอเซะ ลลาวะ ที่อยู่ 195/3 หมู่ 3 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำหน้าที่เป็นคนกดระเบิด พร้อมรถ จยย.คันที่ใช้ก่อเหตุ 1 คัน ได้ยอมรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุจริง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุเพิ่มเติมอีก 1 คน คือ นายมะรอกิ ดอเลาะหมิ ที่อยู่ 118 หมู่ 6 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา ปัจจุบันทั้งหมดถูกควบคุมตัวเพื่อซักถามและขยายผลไปยังกลุ่มที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะเข้าทำการตรวจสอบภายในโรงเรียนปอเนาะบ้านควนดิน ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งพบหลักฐานว่าถูกใช้เป็นสถานที่วางแผนก่อเหตุและหลบหนี เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผลการปฏิบัติในครั้งนี้ทำให้สามารถตีแผ่ความจริงที่ถูกบิดเบือนโดย suara patani เพจผีของกลุ่มขบวนการที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่สร้างสถานการณ์หวังสังหารคนมุสลิม “เมื่อความจริงปรากฏ ความโป้ปดก็จะหมดไป” โดยเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมกับขอให้สังคมโปรดใช้วิจารณญาณการใช้สื่อออนไลน์บิดเบือนข้อเท็จจริงของกลุ่มแนวร่วม และขอให้ช่วยจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่แอบแฝงอยู่ในองค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรพัฒนาเอกชนอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้น่าจะออกมาสร้างวาทกรรมเดิมๆ โจมตีกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐซ้อมทรมาน และละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ถูกควบคุมตัวดังที่เคยทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน
