“ ปัตตานี สมรภูมิแห่งศักดิ์ศรี สงครามมหาเอเชียบูรพา ”#​ 3​ ผลกระทบ-เคลื่อนพล

0
1711

ข้อมูล#Tk park.pattani
โค้งที่ 4.​ ผลกระทบที่ไทยได้รับในสงครามมหาเอเชียบูรพา
ตลอดระยะเวลาสงครามที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องพบกับศึกหนักทั้งการโจมตีทางอากาศ การทำลายสถานที่ราชการและบ้านเรือน ตลอดจนทำให้ชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากต้องได้รับความเสียหาย หากประเมินมูลค่าความเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการสงคราม รวมเป็นจำนวนเงินถึง 812 ล้านบาท สูญเสียกำลังพลรวมเป็นจำนวน 5,957 คน ประกอบไปด้วย นายทหาร 143 คน นายสิบ 474 คน พลทหาร 4,942 คน ตำรวจ 88 คน และพลเรือน 310 คน นอกจากที่กล่าวมาสงครามครั้งนี้ยังส่งผลต่อประเทศไทย คือ


1.ประเทศไทยถูกบังคับด้วยสนธิสัญญาสมบูรณ์แบบ ทำให้ต้องคืนดินแดนกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปะลิส ซึ่งญี่ปุ่นมอบให้ไทยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2486 แก่อังกฤษ พร้อมต้องชดใช้ค่าเสียหายใน 4 รัฐของมลายู เป็นเงิน 30 ล้านบาท พร้อมทั้งยอมขายข้าว ดีบุก ยางพารา ไม้สัก ตามราคาที่กำหนด และส่งข้าวจำนวน 1,500,000 ตัน ให้อังกฤษโดยไม่คิดมูลค่า
2.ประเทศไทยต้องคืนดินแดนที่ได้จากกรณีพิพาทอินโดจีน คือ พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศส
3.เศรษฐกิจของประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เกิดภาวะเงินเฟ้อ ตลาดมืด การกักตุนสินค้า ฯลฯ
4.สภาพสังคมเสื่อมโทรม คดีอาชญากรรมเพิ่มขึ้น ขวัญของทหารและประชาชนตกต่ำ

โค้งที่5
เหตุการณ์สำคัญในวันที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ปัตตานี​  กองพันทหารราบที่ 42 เป็นหน่วยทหารที่เพิ่งตั้งขึ้นที่จังหวัดปัตตานีเมื่อเดือนสิงหาคม 2484 มี     พันตรีขุนอิงคยุทธบริหาร (ทองสุก อิงคะกุล) เป็นผู้บังคับกองพัน มีกำลังพลทั้งสิ้นอยู่เพียง 76 คนเท่านั้น กำลังรอทหารเกณฑ์รุ่นใหม่และทหารกองหนุนที่จะเรียกระดมพลเพิ่มเติม ก่อนหน้าวันที่ 8 ธันวาคม 2484 ผู้บังคับกองพันได้สังเกตเห็นว่ามีชาวญี่ปุ่นมาพักตามโรงแรมในจังหวัดปัตตานีมากเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็คาดการณ์ไว้แล้วว่า ญี่ปุ่นอาจจะอาศัยไทยเป็นทางผ่านเข้าบุกมลายูของอังกฤษ จึงนำทหารออกศึกษาภูมิประเทศให้ชำนาญท้องถิ่น พร้อมทั้งขอกำลังจากจังหวัดทหารบกสงขลามาเสริมด้วย และได้รับทหารมาเพิ่มอีก 600 คน เดินทางมาถึงสถานีรถไฟโคกโพธิ์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2484

พอดี กว่าจะลำเลียงเข้าค่ายเสร็จก็เป็นเวลา 20.00 น. จึงจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เพื่อบำรุงขวัญทั้งทหารใหม่และทหารเก่า งานเลี้ยงเลิกเมื่อเวลา 22.00 น.