ดอกไม้การเมือง#4 ปาตีเมาะ​ เปาะอิแตดาโอะ

0
1026

.
    “ขอเป็นพลังเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ดังพอจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”

@ชายแดนใต้​ มีโอกาศ​ สัมภาสณ์​ ผู้หญิงการเมืองอีกท่านหนึ่ง​ คุณปาตีเมาะ​ เปาะอิแตดาโอะ  ปารตี้ลิสต์จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย

     ปาตีเมาะกล่าว่า   “จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 47 ซึ่งดิฉันได้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ถึง 4 คน ทำให้ดิฉันได้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ และเป็นเวลากว่า 14 ปี ที่ดิฉันได้เข้ามาทำงานภาคประชาสังคมในการช่วยเหลือเด็กและสตรี  ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งเรื่องการเยียวยา การให้คำปรึกษากับผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งประสานกับฝ่ายรัฐในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ และสิทธิต่างๆ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครเพื่อเยียวยาผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั่วพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังรุนแรงขึ้นทุกวัน คนตาย คนพิการ หญิงหม้าย เด็กกำพร้าก็ยังคงเพิ่มสถิติขึ้นมาเรื่อยๆ

ซึ่งดิฉันเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้จริง สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนเป็นภาพความรู้สึก และพบเจอจากผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งแค่ดิฉัน คนเดียว  คงไม่สามารถทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงได้ หรือตะโกนดังพอ ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงหยุดกระทำต่อ เด็กและสตรี ผู้หญิง หรือแม้กระทั้งผู้มีอำนาจที่ลงมาแก้ไขปัญหาหรือเข้ามามีบทบาท          อยู่ในพื้นที่ตลอดระยะเวลากว่า15 ปี  ว่าสิ่งที่ดิฉันไปพบเจอมาเป็นอย่างไร  เราควรจะแก้ไขไปในทิศทางไหนให้ถูกต้องให้ถูกวิธี แต่เสียงดิฉันมันก็ยังดังไม่พอ”
@ ชายแดนใต้คิดเห็นอย่างไรมาลงทำงานการเมือง​ 

 ปาตีเมาะ# จนวันนี้ดิฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกัน กำหนดอนาคตตนเอง กำหนดอนาคตบ้านของเราเอง เพราะดิฉันเกิดและเติบโตมาในพื้นที่ย่อมรู้ปัญหา ดิฉันจะนำประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ ตลอดจนรับฟังปัญหา  จากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงไปกำหนดเป็นนโยบายและวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งมีทางเดียวที่จะสามารถทำได้คือ การเข้าสู่เส้นทางของ นักการเมือง หลายคนคิดว่าผู้หญิงกับการเมืองจะไปได้อย่างไรดิฉันอยากให้ประชาชนมองว่าการเมืองทุกวันนี้เต็มไปด้วยผู้ชาย  แต่หากประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เราต้องให้โอกาสผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทในสภาเพิ่มขึ้น มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ผิด แต่ตรงกันข้ามกันหากจะมีผู้หญิงในสภาสัดส่วนใกล้เคียงกับผู้ชาย คงเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า ซึ่งสิ่งแรกที่หากมีโอกาสได้เข้าสู่เส้นทางนักการเมือง คือเรื่องของสิทธิและบทบาทของผู้หญิง รวมทั้งการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงโดยตรงโดยเฉพาะการเข้าไปมีบทบาทเป็นคณะกรรมการต่างๆ ในทุกระดับตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ถึงระดับนโยบายของประเทศ รวมทั้งในการออกกฎหมาย ออกระเบียบ ต่างๆ  ที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ก็ต้องมีตัวแทนผู้หญิงเข้าไปนั่งด้วย           ทั้งที่เราพยายามส่งเสียงอยู่ตลอด เราจึงคิดว่าถ้าจะผลักดันเฉพาะระดับข้างล่างคงไม่พอ แล้วดิฉัน
คิดว่าตัวเองนี้แหละที่จะอาสาเข้าไปนั่งในรัฐสภา เพื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงและสร้างโอกาสให้ผู้หญิงเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปแก้ปัญหาร่วมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจในคณะกรรมการ ต่างๆ นอกจากนี้นโยบายที่จะลงมาพัฒนาพื้นที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากคนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน และคนในพื้นที่ก็ต้องอยู่ได้เช่นกัน   ไม่ว่าเรื่องของคุณภาพชีวิต หญิงหม้าย เด็กกำพร้า ระบบการศึกษาที่ไม่เอื้อต่อวิถีชีวิต รวมทั้งระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจะทำอย่างไรให้คนสามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มันย่ำแย่ ตอนนี้ดิฉันจึงเชื่อมั่นว่า ไม่มีใครรู้ปัญหาของเราได้ดีเท่ากับคนในพื้นที่
ดิฉันจึงตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองในนามพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และในฐานะว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย  ซึ่งสิ่งที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจ มาร่วมงานกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยด้วยเหตุผลที่ว่า     “เรารู้สึกว่าถ้าเราไปแล้วเราต้องมีตัวตนในพรรค ถ้าเราไปแล้วเราอยู่ห่างแถวเสียงเราไม่ดังมันก็ไม่มีประโยชน์”อีกเรื่องที่เป็นส่วนในการตัดสินใจคืออุดมการณ์ของพรรค ตลอดจนพรรคนี้เป็นพรรคที่เพียบพร้อมไปด้วยคนรุ่นใหม่ ที่มีหัวใจรักชาติบ้านเมืองและพรรคนี้เป็นพรรคของประชาชน ที่ไม่มีนายทุนหนุนหลัง ดิฉันจึงเลือกที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรครวมพลังประชาชาติไทย

@ชายแดนใต้ทำไมประชาชนต้องเลือกคุณ
สุดท้ายแล้วอะไรก็ตามที่จะทำให้คนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด  เป็นสิ่งที่เราทุกคนจะต้องช่วยกันสนับสนุนและจะก้าวผ่านความขัดแย้งไป วันนี้ดิฉันพร้อมแล้วที่จะมุ่งมั่นที่จะทางานการเมืองและทุ่มเทแรงกายแรงใจของดิฉันเพื่อจะกลับมาพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจ การศึกษา บทบาทของผู้หญิง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กลับมาดียิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางนักการเมือง อย่างเต็มตัว

ทีมข่าว​ @ ชายแดนใต้