วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 62 ที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เรียกประชุมด่วนระดับ ผบ.ฉก.หมายเลข 2 ตัวที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ 10 อำเภอของ จ.นราธิวาส รวม 6 หน่วย ได้แก่ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.ฉก.ทพ.45/ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.ฉก.ทพ.48 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อติดตามความคืบหน้าเกิดเหตุคนร้ายจำนวน 8 คน แต่งกายคล้ายชุดทหารลายพราง รองเท้ายาง พร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกจี้ตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ประกอบด้วย 1.ส.ต.ท.นเรศ เอียดทอง อายุ 31 ปี สังกัด นปพ.ฉก.31 และ 2.ส.ต.ท.รุสไวดี สาแม อายุ 30 ปี จนท.ตร.สภ.เจาะไอร้อง ก่อนนำตัวไปจ่อยิงศรีษะเสียชีวิตทั้งคู่ในคูน้ำ บ.บูเก๊ะ ม.2 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง รวมทั้งนำอาวุธปืนยาว M 16 1 กระบอก ปืนสั้น ขนาด 9 มม. 1 กระบอก และปืนสั้นขนาด .45 อีก 1 กระบอก นำขึ้นรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทันสีฟ้า 4ประตู ทะเบียน กล-3584 สงขลา ซึ่งเป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะนำรถยนต์ไปเผาเพื่ออำพรางในพื้นที่ ม.3 ต.โฆษิต อ.ตากใบ เหตุเกิดช่วงคืนของวันที่ 26 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตาม ทางด้าน พล.ต.สมดุลย์ ผบ.ฉก.นราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมป้องกันชายแดนตลอดแนวริมแม่น้ำ อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลกติดตามหาเบาะแสของกลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคาดว่ากลุ่มที่ก่อเหตุซึ่งเป็นกลุ่มก่อเหตุรุนแรงเป็นระดับสั่งการและปฏิบัติการในพื้นที่ อ.ตากใบและ อ.เจาะไอร้อง
ได้ข้อสรุปครั้งนี้ คือวางมาตรการในการไล่ล่ากลุ่มคนร้าย รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยให้ประสานงานกับทุกฝ่ายในพื้นที่ รวมทั้งแจ้งข่าวสารให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ให้ทุกหน่วยดำเนินการ เพิ่มความระมัดระวังขณะเดินทางทั้งภารกิจส่วนตัวและขณะออกปฏิบัติหน้าที่
ในการตั้งด่านลอยต้องประสานข้อมูล บูรณาการด้านการข่าวกับหน่วยกำลังที่ในพื้นที่ และให้ตรวจสอบข่าวสารจากแหล่งข่าว อีกทั้งให้ทุกฝ่ายระมัดระวังและอย่าประมาทกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันผู้ก่อเหตุความไม่สงบอาศัยช่องโหว่ของเจ้าหน้าที่ กระทำเหตุรุนแรงซ้ำอีก
ทางด้าน พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้มีการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยไปแล้วหลายจุด แต่ยังคงไร้วี่แวว ส่วนหลักฐานจากดีเอ็นเอขณะนี้ยังตรวจพิสูจน์ไม่แน่ชัด เพราะคนร้ายเผารถเพื่ออำพรางคดี และยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะหนึ่งก่อน
ภาพ/ข่าว สัญฐิติ ขอจิตต์เมตต์ทีมข่าว@ชายแดนใต้ จ.นราธิวาส
