เปิดใจทนาย​​อนุกูล​ อาแวปูเต๊ะ​ พรรคภูมิใจไทย​เบอร14​ “​ให้สังคมรับทราบกฎหมาย​อย่างมีส่วนร่วม​คืนความยุติธรรมให้พื้นที่”

0
1353

อนุกูล​ อาแวปูเต้ะ​ จากทนายความมุสลิมผ่านประสบการณ์การทำงานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ​สู่เสื้อภูมิใจไทย​ ลดอำนาจรัฐ​เพิ่มอำนาจประชาชน​ ถึงเวลาทำการเมืองใหม่ในพื้นที่สร้างวาระร่วมกัน

เริ่มจากการที่ได้ทำงานในพื้นที่มานาน ทางสังคม ซึ่งผมได้สานต่อ งานของ คุณสมชายนีละไพจิตร หน้าที่คือการดูแลเคสผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ไม่ได้รับความยุติธรรม​  ซึ่งจากที่ทำงานมากว่า 10 ปี ได้รับเรื่องร้องเรียนมากมาย  ต่อการบังคับใช้กฎหมาย พรกฉุกเฉิน ซึ่ง บางครั้งนำไปสู่การ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเราได้ดำเนินการ ในแง่ของกฎหมายช่วยเหลือ ในกระบวนการยุติธรรม และได้เห็นว่า  ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ และยังไม่เข้าใจถึงกฎหมาย​รวมทั้งใน​ยังไม่รู้ถึงสิทธิของตัวเองมากพอ​ ดังนั้นเราจึงต้องให้ความรู้​ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนมากขึ้น และจำเป็นที่จะต้องมีอำนาจไปถึงการเมือง เพื่อสามารถนำ ข้อเรียกร้องต่างๆที่สามารถนำไปสู่ความเห็น ที่มีร่วมกันนั้น เพื่อไปลดอำนาจรัฐลง และเป็นข้อต่อรองได้
อีกทั้งเราอยู่ในพื้นที่​ ที่มีความขัดแย้ง  ซึ่งเป็นธรรมดา เราจะเห็นว่าในพื้นที่ความขัดแย้งนั้นทุกประเทศไม่สามารถใช้อำนาจของรัฐในการแก้ปัญหาได้ในทุกๆเรื่อง ไม่สามารถใช้ ข้อกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพได้


ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้เข้ามีความเข้าใจในประเด็นกฎหมายเหล่านั้นๆด้วย. สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นทางการเมืองซี่งประชาชนจะต้องสามารถใช้ความยุติธรรมอันนี้ผลักดันไปสู่การ แก้ไขในเชิงนโยบายได้

   จากระยะเวลาสถานการณ์ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ทำไห้เห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้ว​ว่า เราเห็นคู่ขัดแย้งได้ชัดขี้น  ซึ่งตรงนี้เราสามารถที่จะสร้างกลไก ทางกฎหมายที่ให้เกิดขึ้นจาก อำนาจของประชาชนได้ ตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทย คือ”ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน”

  ผมอาสา เพราะถือว่าผมเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้เป็นนอมินีของใค​ร​ เราเป็นพรรคทางเลือกหนึ่งที่จะไม่อยู่ขั้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง​ ผมยังมองเห็นอนาคตทางการเมือง ว่าเราต้องทำการเมืองให้เป็นแบบใหม่ ให้เข้าถึงประชาชน และจะเห็นว่าปัญหาทางสังคมที่มีอยู่มากมายนั้น ต้องทำงานในด้านศาสนา ควบคู่ไปกับ สังคมด้วย
เพราะ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายนอกจากปัญหาสถานการณ์ไม่สงบแล้วยังมีปัญหายาเสพติดขึ้นด้วย แพร่ระบาดมากขึ้น ซึ่งมันขัดกับหลักเกณฑ์ศาสนา​ คนพื้นที่ไม่ต้องการให้มีปัญหาเหล่านี้ ขึ้นเลย


จำเป็นมากที่จะต้องมีคนอาสามาผลักดัน  และทุกหน่วยทุกองค์กรจะต้องหันมาแก้ปัญหาร่วมกันโดยสร้างวาระที่เกิดขึ้นจากคนในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่สามารถทำได้จริงสุ่ความเป็นหนึ่งเดียว​ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องสอดคล้องกับศาสนาและการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่อยู่แล้ว
ในแต่ละพื้นที่ต่างกัน ต้องมีตัวแทนมาคิดมาถกหาจุด​ มาร่วม​วิเคราะหร่วมกันเพื่อไปสู่การแสวงหาทางออก

    ต้องสร้างพท.พัฒนาร่วมกันจนทุกคนรับรู้​  หันมาเห็นปัญหาร่วมกัน แก้ปัญหาสังคมให้เข้มแข็งได้ต่อไป. ที่สำคัญ. ถ้าเราเจรญด้านสาธารณูประโภคทุกอย่าง แต่ แต่ถ้าเราไม่ได้พัฒนาคน ก็เท่ากับว่า เราไม่ได้พัฒนา สังคม ให้เข้มแข็งได้

สภาพปัญหาในบ้านเราไม่มีใครอยาก
ให้เกิดขึ้นเห็นมีการยิงกันตายกับคนใกล้ชิดกลับ ต้องมาตาย
​  วันนี้ผมจึงขอโอกาสให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ นี้ถึงเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงสังคม ร่วมกันไปสู่การทำการเมืองใหม่ที่ให้ประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งเราจะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้​  ดังที่​อัลลอฮ ได้กล่าวไว้ว่า “พระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนแปลงกลุ่มชนใดจนกว่ากลุ่มชนนั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวของพวกเขาเอง”

ทีมข่าว@ชายแดนใต้​