พรรคการเมืองตบเท้าร่วมเสวนา “สัญญาณการเลือกตั้ง ทิศทางการเมืองไทย ต่ออนาคตสันติภาพปาตานี” แต่ไร้เงาตัวแทนพรรคเพื่อไทย

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 15 ก.ย ที่ห้องประชุมปัตตานี อาคารสำนักงานอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี (หลังเก่า) ตัวแทนนักการเมืองใหม่และเก่า ที่จะลงสมัครเลือกตั้งในปี 62 ประกอบด้วยตัวแทนจากพรรคประชาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคสามัญชน พรรคอนาคตใหม่ และตัวแทนจากนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมในพื้นที่ แต่ไม่มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ตามที่มีการแจ้งหมายร่วมการเสวนาในครั้งนี้ ซึ่งการเสวนาเริ่มกันอย่างเรียบง่าย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการถกเถียงตามหัวข้อ “สัญญาณการเลือกตั้ง ทิศทางการเมืองไทย ต่ออนาคตสันติภาพปาตานี” ซึ่งตัวแทนทุกคนมีแนวทางที่คล้ายๆ กันคือ เรื่องอยากให้ คสช.ปลดล็อคและให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว

เนื่องจากประเทศชาติบอบซ้ำมานานมากแล้ว นอกจากนี้ยังให้มีการตั้งคำถามจากผู้ร่วมฟังเสวนา ต่อแนวคิดของแต่ละพรรค โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้และการศึกษา โดยมีประชาชน นักศึกษา ตัวเเทนภาคประชาสังคมเข้าร่วม 150 คน จากหลากหลายทัศนะมีเสวนาวันนี้ ณ.ที่นี้ @ชายแดนใต้ ถอดมาบางตอน  พอสรุปได้ว่า

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) หัวหน้าพรรคเกรียน ได้เเสดงความคิดเห็นในหัวข้อความขัดกันในเชิงความคิดทางการเมือง โดยมองในบริบทของคนในพื้นที่ ถ้าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเร็ววันก็อยากให้คนในพื้นที่แสดงออกถึงจุดยืนและความต้องการ เพื่อประโยชน์ของตนเองและลูกหลานในอนาคต

นายอารีเพ็ญ อุตระสินธุ์ ตัวเเทนจากพรรคประชาชาติ กล่าวอยากให้มีการทบทวนเรื่องการลดทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) ลงและให้ภาครัฐใส่ใจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้เพราะปัจจุบันการเข้าถึงของรัฐยังไม่ทั่วถึง เช่นมีเหตุการณ์แต่ละครั้งถึงจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาดูแลและไม่มีการติดตามช่วยเหลือต่อเนื่อง

นายจุนินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องการศึกษาในพื้นที่ หลังจาก คสช.เข้ามามีบทบาทหน้าที่ก็ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการศึกษาจนทำให้ถดถอยลง โดยเฉพาะโรงเรียนของรัฐที่นับวันยิ่งมีน้อยลงกว่าโรงเรียนเอกชน แต่คนพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นชาวไทยมุสลิม จะส่งบุตรหลานเรียนในสองสาย แต่ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนเรียนทั้งสายสามัญและศาสนาแบบจริงจัง จนทำให้ผลสำริดทางการศึกษาของเด็กในพื้นที่ต่ำลงจนไม่สามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งโรงเรียนเอกชนก็มีการแข่งขันกันจนเป็นค่านิยมและลืมไปว่าโรงเรียนของรัฐมีการสนับสนุนให้เรียนฟรีและมีอุปกรณ์การเรียนการสอนและหลักสูตรที่ทางกระทรวงศึกษาวางไว้แล้ว


นส.พิมพ์สิริ เพชรน้ารอบ พรรคสามัญชน พรรคหน้าใหม่ในเวทีการเมือง ได้กล่าวในหัวข้อรากเหง้าของปัญหาคือสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง รวมไปถึงในการกำหนดเศรษฐกิจ สังคม ในพื้นที่มีผลผูกพันธุ์ โดยมองถึงสิทธิของคนในพื้นนั้นถูกริดรอนสิทธิ์มายาวนานกว่า 10 ปี ทั้งนี้หากมีโอกาสร่วมในการแก้ไขปัญหาก็จะมองถึงสิทธิ์เสรีภาพในพหุวัฒนธรรมของพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม และหากรัฐมีการบังคับใช้กฎหมายที่ส่วนใหญ่แล้วประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบก็จะมองในเรื่องการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นหลัก

นายปิยบุตร เเสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่กล่าวว่ามองสองด้านทั้งเรื่องความแตกต่างและความหลากหลายในอำนาจการตัดสินใจของคนในพื้นที่ หากเอาทหารนำการเมืองมองว่าปัญหาในพื้นที่ก็จะไม่มีทางสิ้นสุด เมื่อยังมีความเเตกต่างอยู่และหากจะไปสู่สันติภาพก็ตะต้องให้ลดทหารลงก่อนจึงจะมาปรับในจุดอื่นๆ ที่เป็นจุดรายละเอียดอ่อน เช่น หากประเทศไทยยังปกครองเเบบเผด็จการแล้วปัญหาความขัดเเย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะไม่มีหนทางจะจบลงได้
นายอาเต็ฟ โซะโก นักเคลื่อนไหวสันติภาพในพื้นที่ กล่าวว่า หากมองปัญหาจากคนในพื้นที่แล้วและจากที่ตนเองเป็นคนในพื้นที่มองว่า เมื่อรัฐไทยมองถึงรากเหง้าเเละปัญหาที่เเท้จริง จะสามารถเเก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้และมองประเด็นเรื่องการลดหรือถอนทหารออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงนั้นรัฐบาลต้องกล้าที่จะทำ หากไม่ทำปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่มีทางยุติลง ได้ นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐมองเห็นความสำคัญเรื่องการพูดคุยสันติภาพให้มีความชัดเจนมากกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะกระบวนการพูดคุยสันติภาพสามารถที่จะนำปัญหาจากการพูดคุยในเวทีมาปรับแก้และใช่จริง ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุยอย่างเดียว แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย

ทีมข่าว@ชายแดนใต้ จ.ปัตตานี