โต๊ะนิก รายารามัน หรือผู้วิเศษ? ตอนที่6

0
1902

(ข้อมูลโดย อิสมาแอล สาเระ)   นักประวัติศาสตร์มลายูเบตง

จากนาย ฮาโรน ซาเร๊ะ( เกิด พ.ศ.2439* คุณปู่ ของผู้เขียน) ได้เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่ง ตอนที่มีคนมาเยี่ยมแล้วคุยเรื่องในอดีต ว่า ตอนสมัยยังเด็ก ก็วิ่งเล่นอยู่แถวนี้แหละ เมื่อเวลาเจ้าเมือง รามัน ( รายา) หรือคนในครอบครัว มาพักที่นี่ จะมีขบวน ผู้ติดตาม มีขบวน ช้าง ขบวนม้า เป็นจำนวนมาก จะมีการจัดอาหารเลี้ยงดูอย่างเอิกเกริก พอตกเวลากลางคืน ก็จะมีการ ละเล่นต่าง ๆ เช่นมี เมาะโย่ง ( การละเล่น ชนิดหนึ่ง คล้าย มโนราห์) เล่นดีเก ฮูลู  ( Dikir Hulu ) จนสว่าง เกือบทุกคืน ได้ยินเสียงอึกทึกคึก ครื้นเครง แสดงถึงความสนุก และอยู่กันนาน แกไม่ได้บอก ว่า เขาอนุญาตให้เข้าไปร่วมงานได้หรือเปล่า และบอกอีกว่า บางทีช้างที่เลี้ยงไว้ก็ออกมากิน พืชผล ของชาวบ้าน ( บ้านแกอยู่ ด้านทิศเหนือห่างจากเรือนเจ้าเมือง ประมาณ ไม่ถึง 100 เมตร)

ในปี พ.ศ. 2419 (1870) รายา รามัน ชื่อ ต่วนยากง (Tuan Jagung) ในยุคนั้น มีชาวปัตตานี รามัน ไปสร้างเมืองใหม่ กริก (Grik) เป็นยุคที่เมืองรามันขยายอาณาเขตได้กว้างขวาง นาย ฮาโรน ทันจำเหตุการณ์ในยุคนั้นได้ และเล่าให้เรื่องราวต่าง ๆ คนรุ่นหลังได้ฟัง คงไม่ได้ฟังจากคนอื่นเล่าอีกทีหนึ่งว่า……..
ต่วนยากง( Tuan Jagung) เป็นรายารามันคนสุดท้าย ในบรรดา รายารามัน 4 คน สำหรับลูกชาย ชื่อต่วน ลือเบฮ์ นั้น(Tuan Lebeh)เป็นเพียงรักษาการ รายา รามัน
มารดาต่วนเลอเบฮ์ ( ภรรยาต่วน ยากง) ชื่อว่า จิ นาง ได้เดินทางออกจากสยาม ไป อาศัยที่มาลายา ณ.เมือง เกอโรฮ์ ( Keroh) ปัจจุบัน ชื่อ ( Pengkalan Hulu) ที่หมู่บ้าน Selarong และเสียชีวิตที่นั่น

กลายมาเป็นศาลโต๊ะนิกที่เคารพของคนชาวจีนและไทยพุทธ

ที่โรงเรียน เบตง วีระราษฎร์ประสาน( ย.ล.10 )ในบริเวณโรงเรียนจะมี ศาลเจ้าโตะนิก(คนจีนสร้างและบูชารวมถึงคนไทยพุทธ) ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของโรงเรียน ศาลาหลังนี้เป็นที่ตั้งเป็นศาลเจ้าโตะนิก ของปัจจุบันนี้ สร้างเป็น คอนกรีต หันหน้ามาทางทิศเหนือ มีแท่นและ ของบูชาวางอยู่ พร้อมธูปเทียนสำหรับผู้มาสักการะ

ที่มาคือ ก่อนจากนี้  มีศาลโตะนิก หลังเก่า(ผุพัง ริ้อไปแล้ว) นั้นตั้งอยู่นานมาแล้วไม่ทราบว่าเกิดขึ้นสมัยใด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถัดลงไปอีก ทางด้านทิศใต้ ไม่ไกลจากโรงเรียน  เป็นศาลาสร้างด้วยไม้ มุงสังกะสี อยู่ติดกับคลองเบตง อาคารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีกอไผ่ขนาดใหญ่ปกคลุมทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวมาก ประกอบกับสมัยก่อนมีผู้มากราบไหว้อยู่เป็นประจำได้กลิ่นธูปที่ ลอยโชยมา ซึ่งเพิ่มความขลังเข้าไปอีก, ในสมัยก่อน ผู้มาบนบานที่ศาลนี้ เมื่อได้ตามที่ขอแล้ว จะเอาไก่ขาวมาปล่อย (ไก่ขาวในสมันนั้นจะเรียกไก่ โตะนิก) บนบาน ปล่อย บางครั้งมากนับเป็นสิบๆตัว และบางที่นานๆ ครั้ง ก็จะมีคนเอาแพะมาปล่อยก็มี ผู้เขียนเองเมื่อสมัยเด็กๆ 40 ปีที่แล้วก็เคยมาไล่จับไก่หลายครั้ง นับที่จำความได้ และที่โรงเรียนนี้ จะมีการจัดงานประจำปี ปีใหม่ ชื่องานสมโภช โต๊ะนิก เป็นประจำทุกปี เพิ่งมาเลิก จัดงานประจำปี เมื่อไม่นานมานี้เอง