อาวัง สะดอ 4 (ตอนจบ)ต้องเป็นจอมโจร เพื่อปกป้อง ผลประโยชน์พวกตัวเองและญาติพี่น้อง

0
9961

ภาพเดียวของอาวังสะดอถูกเขียนทับจากภาพจริง/ ภาพในอดีตชาวมลายูในกลันตัน พกกริช(ภาพจากวิกีพีเดีย)

เมื่ออาวัง สะดอ  เลือกเส้นทางชีวิตเส้นนี้   ครั้งนี้เขาต้องกลับเข้าป่าโดยใช้ชีวิตอยู่ยาวนานเป็นหลายปีอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ แม้ว่าข่าวจากทางการ หรือชื่อเสียงเขาจะออกไปในทางร้าย  แต่ทว่าอีกด้านหนึ่งในความเป็นผู้นำอย่างลูกผู้ชายไว้ลายเสือ อาวังสะดอได้เตือนลูกน้อง ลูกทีมทั้งหลาย ตั้งกฎให้ปฎิบัติตามกันทุกคนเช่น ให้เคร่งในศาสนา, ให้ความเคารพต่อบรรดาผู้รู้ ,ไม่ทำร้ายพี่น้องมุสลิมยกเว้นผู้ทรยศ ,ห้ามมีชู้สาวกับลูกเมียผู้อื่น, ห้ามเอาสินทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

ช่วงนี้เองเป็นช่วงที่ นายอาวัง สะดอ ได้ทำการ ปล้นคนรวยที่มีทรัพย์ด้วยการฉ้อโกงต่างๆ ที่ได้มาโดยมิชอบ  สำหรับคนรวยที่เอาเปรียบผู้คน เอาเปรียบคนจน ซึ่งท่านจะถาม สมาชิกบรรดาลูกน้องในกลุ่มที่อยู่ตามตำแหน่งหมู่บ้าน ต่างๆของสมาชิก ว่าใครที่มีพฤติกรรมร่ำรวยอย่างไร มีพฤติกรรมฉ้อโกงอย่างไร  จึงได้วางแผนที่จะปล้น ทุกครั้ง จะหาข้อมูลของคนฉ้อโกงเหล่านั้นที่เขาจะปล้นก่อน และประชุมจากนั้นถึงจะวางแผนทำการปล้นจริง

โดยครั้งหนึ่งในการปล้นเขาได้รวบรวมเงินได้เป็นจำนวนมาก และได้เอามาให้แจกจ่ายแก่คนในหมู่บ้านที่หมู่บ้านจำปากอและหมู่บ้านยามูแรแนได้ปลดหนี้สินที่มีต่อนายทุนทั้งหลายไปได้เลยทีเดียว

นั้นคือเรื่องเล่าของชาวบ้านและคนในพื้นที่ นายอาวัง สะดอ เปรียบเป็นเหมือน จอมโจรวีรบรุษ ของบรรดาคนยากจน  ปล้นคนรวยเพื่อคนจน รักษาผลประโยชน์ในพื้นที่บ้านถิ่นเกิดตัวเอง หรือเปรียบเสมือน โรบินฮูด นั้นเอง ชาวบ้านในปัจจุบันจะเรียกเขาว่า โต๊ะสะดอ(คำเรียกโต๊ะในสังคมมลายูมักเป็นผู้ที่เคารพนับถือหรือคนสำคัญ)

ในบรรดาสมาชิกลูกสมุนของท่านมีถึง 12 คนหนึ่ง ที่พอจำชื่อได้ ได้แก่

1 โต้ะกอบ้อก

2 มายะ

3 – โต๊ะมา

4 อิสมาแอ อาเนาะซีงอ

5 แชกอฮ

6 โต๊ะกาป้อกบ้านปาโย

7 โต๊ะยางเงาะ บ้านเบอเส้ง

นายอาวัง สะดอได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าร่วม 20 ปี เมื่อครั้งที่ถูกจับ และเสียชีวิตนั้น ท่านมีอายุ 70 ปี เสียชีวิตเมื่อปี 2483 ด้วยข้อหากบฏ โจรก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร

ภาพศาสตราวุธ(หายาก) หอกกริชโบราณ 12 คด ว่ากันว่าอาจเป็นหอกประหาร กับ กริชประจำกาย อาวังสะดอ (อยู่ที่ขุนพันธ์ๆ) cr นิรันดร โลกหน้า

…………………………การจับ อาวังสะดอเป็นข่าวใหญ่โตในสมัยนั้น  มีทั้งจากบันทึกของทางราชการ และขุนพันธ์รักษ์ราชเดช บทความลงใน ศิลปวัฒนธรรม https://www.silpa-mag.com/club/news/article_1133   ว่า

ขุนพันธ์รับตำแหน่งผู้บังคับหมวดกองเมืองพัทลุง ปราบเสือสังหรือเสือพุ่ม เสือร้ายแหกคุกมาจากเมืองตรัง ในปีถัดมาสำเร็จโทษเสือร้ายในพื้นที่อีก 16 ราย ถึงปี 2479 ลงไปปราบ “อะแวสะดอตาเละ” โจรร้ายแห่งนราธิวาส  “ตอนย้ายไปอยู่สงขลา ไปปราบโจรการเมืองอะแวสะดอ ตาเละ พ่อมันเป็นโต๊ะใหญ่ เป็นมุสลิมอยู่บ้านตะโล๊ะบากู นราธิวาส พวกมุสลิมเขามีคล้ายคนไทยเป็นไสยศาสตร์ เขาเนื้อหนังดี” ขุนพันธ์กล่าวถึงจอมโจรชาวมุสลิม

“โจรคนนี้ร้าย มันจะเอาเมืองคืน ปล้นฆ่าแต่คนไทย จีนไม่ทำ ฝรั่ง แขกก็ไม่ทำ วิธีฆ่าก็ทารุณ จับมาได้จิกผมงัดปากเอากริชหยอดคอแล้วชักไส้ออกมา ปราบหลายครั้งปราบมันไม่ลงจนมันดูถูกเอา มันชักธงรบบนเขาแกและ เขาลูกนี้ขึ้นลงได้สามจังหวัด มันว่ามันยึดแล้ว สุดท้ายจับได้ ได้เครื่องรางของมันหลายชิ้น” ………….

   จาก เวปไซท อะเเวสะดอ โจรเเห่งเทือกเขาบูโด – Google Sites

https://sites.google.com/site/sitescsw63no02/xaewe-sadx-cor-eheng-theuxk-khea-bu-do

ประกอบกับมีวิชาไสยศาสตร์ป้องกัน สามารถรูดโซ่ รูดกุญแจออกได้อย่างง่ายดาย มีผ้าประเจียด ตับมนุษย์เคราทองแดงและช้องหมูป่าเป็น เครื่องลางของขลัง ดังนั้นทางราชการจึงจำเป็นต้องตั้งกองปราบปรามพิเศษขึ้นโดยมีผู้บังคับการภูธรเขตเป็นหัวหน้า พร้อมด้วยหม่อมทวีวงศ์ ถวัลศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสในขณะนั้น และมีหลวงจำรูญ ณ สงขลาปลัดจังหวัดเป็นผู้ช่วยกองปราบพิเศษดังกล่าวนี้ยังได้เกณฑ์เอาตำรวจสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาสเอาเข้าไปในกองกำลังปราบปรามดังกล่าวจัดตั้งกองอำนวยการขึ้นแบ่งหน่วยปราบปรามออกเป็น 3 หน่วย คือ
หน่วยที่ 1 แต่งตั้งร.ต.อ.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นหัวหน้า ใช้กำลังตำรวจกองตรวจสงขลาเป็นลูกน้องเพราะขณะนั้น ขุนพันธรักษ์ราชเดช อยู่ที่สงขลาให้นายสิบพื้นเมืองเป็นล่าม

หน่วยที่ 2 แต่งตั้ง ร.ต.อ.ปรี สุศีลวรณ์เป็นหัวหน้า ใช้ตำรวจกองพิเศษปัตตานี
หน่วยที่ 3 แต่งตั้งร.ต.ท.หม่อมราชวงศ์สะอ้าน ลัดดาวัลย์ เป็นหัวหน้า ใช้ตำรวจนราธิวาส และมีร.ต.ท.เขตต์ บุณยพิพัฒน์เป็นเสมียนอำนวยการ
การทำงานครั้งนั้นให้หน่วยกองปราบเสือตั้งหน่วยเอาเอง มีการกำหนดจุดต่างๆ เอาไว้ 3 จุด คือ เขาแกและบาตุตะโมง และวัดหัวเขา

ขุนพันธ์ รักษ์ราชเดช เมื่อตอนสมัยหนุ่ม

****วันที่ปะทะกันเป็นคืนวันพุธ เวลาตี 4 ครึ่งนกป่าสัตว์ป่าก็ตื่นร้องเป็นแถวจากด้านตะวันออกขณะนั้นทุกคนได้ยินเสียงกิ่งไม้หักใกล้เข้ามาและได้ยินเสียงพูดพึมพำแต่ยังไม่เห็นตัวร.ต.ท.หม่อมราชวงศ์สะอ้านก็พูดออกมาเป็นภาษามลายูว่า “อีตูสะปอ อินี่สเตอรู” มันตอบว่า “กุดเด”
เท่านั้นเองฝ่ายขุนพันธรักษ์ราชเดชเล็งปืนยิงตรงแสกหน้าอะแวสะดอ ตาและ ระยะ 2 ศอก อะแวสะดอ ตาและกลับยืนอยู่เฉย ไม่ตายและไม่ล้ม ขุนพันธ์ฯจึงกระหน่ำยิงอีก ในที่สุดมันก็ล้มลงพรรคพวกของมันก็หนีกระเจิงขึ้นเขาไปขุนพันธ์คิดว่ามันตายแน่ๆจึงสั่งให้ตำรวจ 2 นายที่ชื่อลพและเงินเฝ้าศพไว้ และที่เหลือให้ตามไล่ล่าพรรคพวกโจร แต่พอวิ่งขึ้นเขาไปได้หน่อยเดียวก็เกิดเสียงยิงปะทะข้างล่างตรงจุดที่ให้ตำรวจ 2 นายเฝ้าศพไว้คงมีพรรคพวกของมันเลี้ยวเข้าไปช่วย

ม.ร.ว.สะอ้านซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุสัก 8 วา จึงเล็งยิงโจรอะแวสะดอ ตาและไปอีก ตำรวจอีก 2 คนช่วยยิงสกัดเข้าไปแต่ไม่เป็นผล กระหน่ำยิงจนลูกปืนหมดทุกคน ทั้งที่คนยิง แน่ใจว่าได้ยิงถูกอะแวสะดอ ตาและ หลายนัดแล้วมันน่าจะตาย แต่ยังเดินยังยืนได้ขุนพันธ์ฯตัดสินใจวิ่งเข้าไปชกต่อยอะแวสะดอ ตาและ ทุกคนกรูเข้าไปชกวงใน ไม่รู้ว่าหมัดใครต่อหมัดใครเพราะท้องฟ้ายังไม่สว่างดีผลที่สุดอะแวสะดอ ตาและ หมดเรี่ยวแรง กว่าทำให้สภาพจากเสือร้ายกลายเป็นแมวต้องใช้เวลากว่า 30 นาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับโจรอะแวสะดอใส่กุญแจมือไว้
พอฟ้าสว่าง เจ้าหน้าที่พยายามแกะเครื่องรางที่เอวของอะแวสะดอ ตาและ ที่มันผูกกับลวดแข็งเอาไว้ แกะอย่างไรก็ไม่ออกอะแวสะดอ ตาและ คงรำคาญเลยกระชากจนลวดขาดแล้วปาเข้าป่าไปไปตามเก็บมาได้จึงถามว่านี่อะไร อะแวสะดอ ตาและบอกว่าบาบีช้องหมูป่าพอไปถึงสถานีตำรวจ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน อะแวสะดอ ตาและ  ผู้นี้คายหัวกระสุนทั้ง 9 นัด ลงกลางโต๊ะสอบสวน
ที่น่าทึ่งตอนที่ยิงปืนเข้าไป อะแวสะดอ ตาและเอากระสุนเข้าปากไป 9 เม็ดแล้วอมไว้ ปากไม่มีรอยแตก ฟันไม่หักส่วนที่ถูกหน้าผากก็เหมือนถูกเล็บขีด ส่วนที่ยิงตามตัวไม่ถูกเลยเสื้อผ้าก็ไม่เป็นรอยขาด
ภายหลังถูกจับกุม เครื่องรางของขลังต่าง ๆถูกยึดไว้เป็นหลักฐาน
ทางการตำรวจจับตัวอะแวสะดอ ตาและไปที่สถานีตำรวจนราธิวาสขังไว้  3 วันมีประชาชนตั้งแต่ปัตตานี ยะลา รัฐกลันตัน แห่พากันไปดูหน้าจอมโจรเจ้าพ่อเทือกเขาบูโดแน่นขนัดโรงพัก ตำรวจเห็นว่าขืนขังไว้ที่นี่คงไม่ดีแน่จึงนำตัวอะแวสะดอ ตาและ ไปฝากขังที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส

อะแวสะดอ ตาและ ก็เป็นเช่นขุนโจรชื่อดังในอดีตของทางภาคใต้ที่ถือว่าการตายด้วยฝีมือเจ้าหน้าตำรวจเป็นการตายที่ไร้เกียรติอย่างยิ่งสำหรับจอมโจรอย่างเขาดังนั้นไม่เกิน 10 วัน อะแวสะดอ ตาและตัดสินใจกินยาพิษฆ่าตัวตาย
ความสามารถพิเศษที่ปราบปรามจอมโจรอะแวสะดอ ตาและได้สำเร็จครั้งนั้นนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ของขุนพันธรักษ์ราชเดช ทำให้ความสงบสุขกลับคืนมาจนได้รับการยกย่องจากคนไทยพุทธและคนไทยมุสลิมที่ต่างพากันตั้งฉายาให้ว่า “รายอกะจิ” นอกจากนี้ขุนพันธ์ฯยังได้รับพระราชทานรางวัลจากเจ้าเมือง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ส่งมีดพกเล่มหนึ่ง มาให้ ซึ่ง ท่านขุนพันธ์ถือเป็นเกียรติอย่างสูงในชีวิต…………………

โตะอิหม่ามอับดุลลอฮบิน ฮุสเสน มีศักยเป็นหลานผู้พี่ผู้น้อง อาแวสือดอ ตาเละ  อีกท่านหนึ่ง

เมื่อนายอาวัง สะดอ ครั้งที่ถูกจับนั้นญาติๆเล่าว่าเป็นช่วงที่เขากำลังป่วย เป็นไข้ป่า  คนในหมู่บ้านได้เข้าไปเยี่ยมเขา  ได้นำเอาข้าวต้ม ตูปะ ไปให้ (ข้าวต้มมัดสามเหลี่ยม นิยมทำกันในวันสำคัญๆของชาว พื้นเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้)   และเมื่อตำรวจที่เฝ้ารอมานานได้ข่าวจึง ติดตามสะกดรอย ญาติของอาวัง สะดอ ตามไปจนพบแหล่งกบดานของเขาในที่สุด

นายอาวัง สะดอ สารภาพกับญาติๆและพี่สาว ว่า เขายินยอมให้ถูกจับคนเดียว ดีกว่า  เพื่อแลกกับบรรดาลูกน้องทั้งหลายของท่าน และ เพื่อไม่ให้ญาติพี่น้องและบรรดาสหายต้องลำบากจากการที่ถูกสอบสวน และกลายเป็นผู้ต้องสงสัย พัวพันกับเขา หลายคนซึ่งถูกกดดันอย่างหนักในตอนนั้น

ปัจจุบันศาลาโต๊ะสะดอกับผู้เขียน

จากนั้นท่านจึง ถูกนำตัวไป ล่ามโซ่มัดไว้ที่ศาลา ณ ม .จำปากอ ซึ่งศาลาแห่งนี้ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบัน  เป็นช่วงเวลาที่น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง นายอาแวสือดอได้ขอให้ พี่สาวเอามีดหรือปืนสังหารฆ่าเขาเสียเถิด  จะยอมตายด้วยน้ำมือของพี่สาว  ดีกว่าจะไม่ยอมตายด้วยน้ำมือฝ่ายรัฐ และอริศัตรู ด้วยข้อหาผิดไปตลอดชีวิต

หลังจากนั้น เขาก็ได้ถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจ จ.นราธิวาส นายหรือว่าได้ 1หรือ 3  คืนปรากฏว่า ข่าวอาแวสือดอถูกจับได้แพร่หลายออกไปนั้น ทุกคนมากมาย จากทั่วสารทิศ ที่ได้ข่าว ต่างเดินทางมาดู ให้เห็นกับตา อยากเห็นหน้าตาเขา ตัวจริงเป็นอย่างไร ตลอดทั้งวัน มีผุ้มาเยือนโรงพักกันมากมายมิได้ขาด

และสุดท้าย จากนั้นเพียงกี่วัน ไม่นาน นายอาแวสือดอได้เสียชีวิตที่ ลงที่ โรงพักสถานีตำรวจ จ. นราธิวาสนั้นเอง จากปากคำบอกเล่าของเครือญาติในพื้นที่ เป็นไปอีกทางหนึ่ง ว่า  นายอาแวสือดอ เสียชีวิตทางราชการตำรวจพยายามสังหารเขา ประหารชีวิตเขา ด้วยการกินน้ำกรด หรือน้ำร้อน น้ำทองเหลืองเหลว ถูกกรอกเข้าปากอย่างทรมาน…..

สุสานของเขาถูกฝังกันไว้อย่างโดดเดี่ยว ไว้ที่ กุโบโต๊ะบีแด ถ พิชิตบำรุง อ.เมือง นราธิวาสที่   หลังจากพิธีฝังศพไปแล้วเจ้าหน้าที่ยังต้องอยู่เวรเฝ้าที่หลุมฝังศพถึง 3 วัน เพราะเกรงกลัวว่าอาวัว สะดอจะฟื้นคืนชีพ

นี่คือเรื่องและตำนานของ นาย อาแวสือดอ เสือจากภูเขาบูโด จากเสียงบอกเล่าจากพื้นที่ที่ ยังคงเป็นเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันเรื่อยมา

สุกรี  มะดากะกุล  เขียน/เรียบเรียง/ข้อมูล อะหมัดซักรี ตาเละ หลานพี่น้องต่างมารดาของ นายอาแวสือดอ ตาเละ

สัมภาษณ์ โตะอิหม่ามอับดุลลอฮบิน ฮุสเสนและเปาะจิสามะ  หลานชาย อาแวสือดอ  ตาเละ