ศอ.บต.ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ จับมือนำผลผลิตในพื้นที่ส่งขายทั้งใน และต่างประเทศ ช่วยเกษตรในพื้นที่ จชต.

0
386

ศอ.บต.ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ จับมือนำผลผลิตในพื้นที่ส่งขายทั้งใน และต่างประเทศ ช่วยเกษตรในพื้นที่ จชต.

เมื่อวันที่ 19 มิย 61 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมน้อมเกล้า อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบิหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. นางจินตนา ชัยยวรรณการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารส่วนราชการ   รองผู้ว่าราชการจังหวัด (ปัตตานี นราธิวาส ยะลา) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคใต้ ตอนล่าง ธกส. และภาคเอกชน ร่วมงานแถลงข่าว ผลไม้ชายแดนใต้ รอเก็บผลสดส่งตลาดโลก เตรียมเปิดฤดูกาลผลไม้ดีสามจังหวัดชายแดนใต้ (ปัตตานี นราธิวาส และยะลา)

นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า   ผลไม้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แตกต่างจากผลไม้ในพื้นที่อื่นๆ ทั้งช่วงเวลาการออกผลผลิต คือ ออกช้ากว่าจังหวัดอื่นๆ และด้วยข้อจำกัดด้านสภาพพื้นที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งรองรับผลผลิตและผู้บริโภค ทำให้กลไกการตลาดที่ซับซ้อนเกิดการผูกขาดเกษตรไม่สามารถกำหนดราคาในการขาย ในขณะที่ด้านคุณภาพของผลผลิต           แต่ละชนิดมีจุดเด่นความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง เช่น ลองกอง ด้านเรื่องรสชาติที่ละมุนลิ้นกว่าที่อื่น ลองกอง             มีกลิ่นหอมหวาน ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค หากเป็นทุเรียนจะเป็นสายพันธุ์แท้จากพื้นที่ที่มีความหลากหลายสายพันธุ์มีชื่อเสียง ได้แก่ มูซังคิง ทุเรียนทรายขาว มีลักษณะพิเศษ เนื้อละเอียด เปลือกบาง เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ มังคุด เงาะ ถือเป็นผลผลิตที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ผลไม้ทั้ง 4 ชนิดและอื่น ๆ จะเริ่มทยอยออกสู่ตลาด ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม – พฤศจิกายน นี้ จากสภาพสถานการณ์ในพื้นที่ ส่งผลให้พ่อค้าคนกลาง ที่จะติดต่อเข้ามาซื้อขายผลผลิตในสวนมีจำนวนน้อยลง บางส่วนที่เข้ามาซื้อโดยตรงก็อาจรับซื้อในราคาที่เกษตรกรไม่คุ้มทุน หรือแทบไม่คุ้มค่าแรง ศอ.บต. จึงได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานร่วมประชารัฐ ขับเคลื่อนกระบวนการนำผลไม้จากจังหวัดชายแดนใต้ ให้ถึงมือผู้บริโภคและตลาดโลก โดยคำนึงถึงผลผลิตที่เน้นคุณภาพ ตามความต้องการตลาดต่างประเทศ และชื่อเสียงเป็นเรื่องสำคัญ

ทางด้านนางจินตนา ชัยยวรรณการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานประชารัฐ ในพื้นที่ จชต.ได้เตรียมการจัดหาตลาดปลายทาง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยการเชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่นในการกระจายผลผลิต รวมทั้ง จัดหาสถานที่จำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกรรายย่อย เน้นกระบวนการบรรจุภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐานเพื่อนำผลผลิตไปถึงมือผู้บริโภคโดยตรง อย่างรวดเร็ว ผลไม้ยังคงความสด   นอกจากนั้นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพิ่มเติมว่ารัฐบาลส่งเสริมการทำการเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อผลิตผลไม้คุณภาพสู่มาตรฐาน GAP และถ่ายทอดองค์ความรู้สร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งการแปรรูป ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยและเหมาะสม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตประเภทผลไม้ ที่จะให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนในพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ได้อย่างยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี 2561 มีพื้นที่ปลูกไม้ผลพืชเศรษฐกิจรวม 4 ชนิดคือ ลองกอง 101,706 ไร่ ผลผลิต 28,235 ตัน ทุเรียน 94,392 ไร่ ผลผลิต 52,573 ตัน มังคุด 30,920 ไร่ ผลผลิต 16,597 ตัน เงาะ 28,896 ไร่ ผลผลิต 16,278 ตัน โดยจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม นี้

มูกะตา/ยะลา/ทีมข่าว @ชายแดนใต้