กริชาภรณ์ ภูมิปัญญาอาเซียน ยิ่งใหญ่!แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีวัฒนธรรม

0
557

 

กระทรวงวัฒนธรรม จัดงาน กริชาภรณ์ ภูมิปัญญาอาเซียน ปี 60 ที่ปัตตานี แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง กริช ผ้าและเครื่องแต่งกายของชาวอาเซียน เชื่อมสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย 5มลฑล 5รัฐและอยุธยา

นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการวัฒนธรรมเชื่อมใจชายแดนใต้สันติสุข วิถีตานี วิถีอาเซียน การจัดนิทรรศการ กริชาภรณ์ ที่ห้องประชุมโรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี โดยมีนายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นางศศิเพ็ญ ละม้ายพันธ์ วัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และตัวแทนจากประเทศอาเซียน และ5จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

  นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายในการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสร้างคนให้เป็นคนดี สังคมปรองดอง สมานฉันท์ สร้างรายได้ให้ชุมชนและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความภาคภูมิใจ รัก หวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม ร่วมสืบสานปกป้องคุ้มครอง ให้คงอายู่สืบไป ซึ่ง กริช เป็นอาวุธประจำตัวที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในสมัยก่อน นิยมใช้กันมากในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้ของไทย ซึ่งกริช มีบทบาททั้งเป็นอาวุธและเครื่องประดับกายที่บ่งบอกความเป็นชายชาตรี แสดงออกถึงความกล้าหาญ และสถานะทางเศรษฐกิจ สังคมของผู้เป็นเจ้าของ ปัจจุบัน ช่างทำกริชมีจำนวนน้อยลง รวมทั้งศิลปะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็หาชมได้ยากในปัจจุบัน แต่ยังคงมีพิธีกรรมที่ใช้กริช เป็นส่วนประกอบ เช่น ในพิธีแต่งงาน พิธีเข้าสุนัต เป็นต้น ส่วนรูปแบบผ้าและเครื่องแต่งกาย ก็เป็นสิ่งที่เป็นมรดกร่วมกันของอาเซียน ควรแก่การอนุรักษ์ไว้อีกด้วย จึงได้มีการจัดกิจกรรมขึ้นในวันนี้

ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการกริช การแสดงสิละ การเสวนาเรื่อง กริช การแสดงแฟชั่นโชว์ 5 มลฑล 5 รัฐ และอยุธยาและนิทรรศการการทำกริช และภูมิปัญญาท้องถิ่นอื่นๆที่เกี่ยวข้องมาแสดงกันอย่างมากมาย


ดร.ออสมาน ยาติม ที่ปรึกษาสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติมาเลเซียกล่าว ยินดีที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้เป็นการนำกริชซึ่งถือเป็นวัฒนธรรรมร่วมในแหลมมลายูมาเสริมสร้างเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างกันและยังเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างวัฒนธรรมให้เจริญและยั่งยืน และหวังว่าจะเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ยาวนานต่อไป

ทีมข่าว@ชายแดนใต้ ปัตตานี