คุมเข้มชายแดนไทย-มาเลย์ 106 กม.ใน 3 อำเภอ หวั่นผู้ลักลอบเข้าเมืองนำโอมิครอนเข้าไทย!!

0
657


สืบเนื่องจากที่ได้มีการพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนรายแรกในประเทศไทย ซึ่งอายุ 35 ปี เป็นชาวอเมริกัน อีกทั้งประเทศมาเลเซียยังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเป็นรายแรกแล้ว โดยเป็นนักศึกษาหญิงวัย 19 ปี จากแอฟริกาใต้ ซึ่งได้เดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้ผ่านทางประเทศสิงคโปร์ มาถึงประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 ที่ผ่านมา.
โดยบรรยากาศแนวชายแดนฝั่งประเทศไทย ด้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส วันนี้ ( 7 ธ.ค.64) ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองป้องกันชายแดนได้นำกำลังออกลาดตระเวนอย่างเข้มข้นตลอดแนวชายแดนในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.แว้ง อ.สุไหงโกลก และ อ.ตากใบ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย พร้อมเพิ่มกำลังเฝ้าระวังคุมเข้มแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติไทย-มาเลเซียอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว และการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อาจจะลักลอบข้ามชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ

ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงในการนำเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทยได้ ทั้งนี้โควิดสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นถึง 5 เท่า ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวางมาตรการเข้มตลอดแนวชายแดนระยะทางรวม 106 กิโลเมตร ทั้งทางบกและทางน้ำอีกด้วย
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ ( 7 ธ.ค.64) พลตรี วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้เดินทางมายังด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก โดยได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฉก.นราธิวาส, ตชด.447 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทหารชุดควบคุมป้องกันชายแดน ในการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน “OMICRON” ที่พบการแพร่ระบาดในประเทศมาเลเซีย
ในที่ประชุม พลตรี วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้รับฟังบรรยายสรุปของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งภาพรวมมีมาตรการที่เคร่งครัด สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เนื่องจากทราบว่า สายพันธุ์ใหม่นี้ติดได้ง่ายและไม่แสดงอาการ
หลังจากนั้น พลตรี วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณบ้านน้ำตก ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางธรรมชาติ ที่กลุ่มขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีข้ามแดนจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เป็นจำนวนมากในห้วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ซึ่งพลตรี วรเดช ได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กองกำลัง โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปรับแผนในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในห้วงกลางคืนหรือใกล้รุ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่อ่อนล้า ทำให้กลุ่มขบวนการนำแรงงานต่างด้าวอาจฉวยโอกาสในห้วงเวลาดังกล่าวนำแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ ในภารกิจสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว และการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายข้ามแดน ซึ่งเสี่ยงต่อการนำโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเข้าไทย
โดย ผบ.กองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน โควิด-19 เริ่มมีสายพันธุ์ใหม่เข้ามา ทั้งนี้ตนเองได้นำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการและการสกัดกั้นของบุคคลในช่องทางผิดกฎหมายให้ได้ 100% จะต้องมีการเฝ้าระวังป้องกันจุดตรวจ จุดสกัดบริเวณชายแดนอย่างสูงสุด โดยมุ่งเน้นด้านการข่าวและมุ่งเน้นให้ปฏิบัติในห้วงเวลากลางคืนเพื่อสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด โดยจะออกลาดตระเวนต่อเนื่องทั้งกลางวัน และกลางคืนตามแนวชายแดน และการตั้งด่านสกัดกั้นเพื่อป้องกันการลักลอบเดินทางเข้าออกชายแดนไทย-มาเลเซียของกลุ่มแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่ไม่ผ่านการคัดกรองโควิด-19 อย่างผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติอีกด้วย
ขณะที่นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ทางกระทรวงมหาดไทยได้ส่งหนังสือสั่งการตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบตามแนวชายแดนทั้งตำรวจ ตชด.และทหาร ในด่านแรกที่อยู่ตามแนวชายแดนระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ให้เข้มงวดเพื่อไม่ให้โควิดสายพันธุ์ใหม่ข้ามมากับพี่น้องประชาชน ส่วนด่านที่สองเป็นด่านที่อยู่จุดต่างๆ ให้เข้มงวดกวดขันคนที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และตามหมู่บ้านและตำบลโดยกำนันผู้ใหญ่บ้านและฝ่ายปกครองต้องดูแลสอดส่องพี่น้องประชาชนที่ข้ามมาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นการป้องกัน และให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยปัจจุบันผู้ที่ลักลอบเข้ามาตามด่านชายแดนโดยผิดกฎหมายเริ่มลดลง โดยภาพรวมจังหวัดนราธิวาสพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ลดลงไม่ถึง 50 คนต่อวัน และการฉีดวัคซีนภาพรวมฉีดไปแล้ว 53% โดยบางอำเภอฉีดไปแล้ว 70% และยังคงรณรงค์อย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ต่อไป

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน